Bangkok Forklift Center Co., Ltd. (BFC)

บริษัท บางกอกฟอร์คลิฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด (BFC)

ขาย เช่า ซื้อ ซ่อมบำรุง ดูแล รถโฟล์คลิฟท์ ครบวงจร ติดต่อเรา

ขาย เช่า ซื้อ ซ่อมบำรุง ดูแล รถโฟล์คลิฟท์ ครบวงจร ติดต่อเรา

ก่อตั้ง พ.ศ. 2527

คู่มือการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี

คู่มือการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี
คู่มือการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี

การดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดครับ แค่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หมั่นตรวจเช็คตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยกคู่ใจให้มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในการทำงานได้นานขึ้นเยอะเลยครับ บทความนี้จะพาไปดูเทคนิคดีๆ ในการดูแลรถโฟล์คลิฟท์กันครับ

ข้อควรรู้ในการดูแลรถโฟล์คลิฟท์

  • หมั่นตรวจสอบการทำงานของไฟแจ้งเตือนต่างๆ และระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
  • ระดับน้ำมันไฮดรอลิกต้องอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเสมอ หากต่ำไปหรือสูงไป อาจส่งผลเสียต่อรถได้
  • ตรวจเช็คสภาพยางและความหนาแน่นของจุ๊บเติมลมเป็นประจำ เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่
  • การดูแลแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ หากแบตเตอรี่ต่ำกว่า 15% ควรนำไปชาร์จทันที
  • การทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์เป็นประจำ ไม่เพียงทำให้รถดูดี แต่ยังช่วยป้องกันความเสียหายจากสิ่งสกปรกที่อาจสะสม

ชิ้นส่วนรถยก

ไม่ว่าคุณจะใช้รถยกวันละไม่กี่ชั่วโมงหรือทั้งกะ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นทำงานหนักกว่าที่คิด บางอย่างสึกช้า บางอย่างสึกเร็ว และบางครั้งเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

รู้จักชิ้นส่วนหลักและสภาพการสึกของมัน คือกุญแจให้รถยกอยู่กับคุณได้นานเกิน 10 ปี

  • โครงสร้างและชุดยก: เสากระโดง (Mast), ลูกสูบยก/เอียง, โซ่และลูกรอก, แคริเจ-พนักพิงกันโหลด, งา/ฟอร์ก, อุปกรณ์ต่อพ่วง (Side shift, Clamp, Rotator)
  • ขับเคลื่อนและควบคุม: เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า, เกียร์/ทรานส์มิชชัน, เพลาขับ-เฟืองท้าย, ระบบบังคับเลี้ยว, เบรก, ยางตัน/ยางลม
  • ของเหลวและไฟฟ้า: ปั๊ม ไฮดรอลิก, วาล์ว, ท่อ-โอริง-ซีล, หม้อน้ำ/พัดลม, ไส้กรองต่างๆ, แบตเตอรี่/ชาร์จเจอร์ (รถไฟฟ้า), ไดชาร์จและระบบชาร์จ (เครื่องยนต์), สายไฟ-ฟิวส์-สวิตช์นิรภัย, ไฟสัญญาณ-สัญญาณเตือน

ตารางสรุปชิ้นส่วนที่สึกบ่อยและจังหวะที่ควรเช็ค

อะไหล่หลักหน้าที่สั้นๆสัญญาณสึก/เสียรอบเช็คอายุใช้งานโดยประมาณ
งา (Forks)รองรับและสอดยกโหลดปลายงาบางลง >10%, งาโก่ง/บิด, ล็อกงาหลวมรายเดือน5,000–10,000 ชม. ขึ้นกับน้ำหนักบ่อยครั้ง
โซ่และลูกรอกยกถ่ายแรงยกโซ่ยืด, ลิงก์แข็ง, สนิม, เสียงดังทุก 250 ชม.6,000–10,000 ชม.
ลูกสูบยก/เอียงและซีลยก-เอียงเสาคราบน้ำมันที่ก้าน, ยกกระตุก, เอียงแล้วค้างรายสัปดาห์ซีล 2–4 ปี หรือ 4,000–8,000 ชม.
ยางตัน/ยางลมสัมผัสพื้น-รับแรงกระแทกดอกสึกถึงเส้นขีด, แตก/บวม, สั่นรายสัปดาห์1,000–2,000 ชม.
ผ้าเบรก/ดรัม-จานหยุดรถและค้างบนทางลาดระยะเบรกยาว, กลิ่นไหม้, เสียงเสียดสีทุก 500 ชม.2,000–4,000 ชม.
แบตเตอรี่ตะกั่วกรด (รถไฟฟ้า)จ่ายไฟให้มอเตอร์/ระบบใช้งานได้สั้นลง, น้ำกรดพร่อง, เซลล์ร้อนรายวัน1,200–1,800 รอบชาร์จ (ราว 3–5 ปี)
ท่อ/สายไฮดรอลิกลำเลียงน้ำมันแรงดันแตกลายงา, บวม, ซึมรายสัปดาห์2–5 ปี
น้ำมันเครื่อง/กรอง (เครื่องยนต์)หล่อลื่น/คายความร้อนน้ำมันดำ-หนืด, เสียงเครื่องดังเปลี่ยนทุก 250–500 ชม.เปลี่ยนตามรอบ ไม่ใช่อายุถาวร
น้ำมันเกียร์/ทรานส์มิชชันส่งกำลังนุ่มนวลเปลี่ยนเกียร์กระตุก, สี/กลิ่นผิดปกติทุก 500–1,000 ชม.เปลี่ยนตามรอบ
  • จุดที่ควรสังเกตเพิ่ม: เพลาบังคับเลี้ยวมีระยะฟรีมากผิดปกติ, เสากระโดงมีรอยคด, แคริเจลื่นไม่สม่ำเสมอ, สวิตช์นิรภัยคันเร่ง/เบรกไม่ตัดการทำงาน
  • อุปกรณ์ความปลอดภัย: เข็มขัดนิรภัย, โอเวอร์เฮดการ์ด, แตร, ไฟถอย, ไฟหมุน/ไซเรน ต้องทำงานครบ เพราะช่วยลดอุบัติเหตุและค่าเสียหายที่ตามมา

ถ้าโหลดหนักหรือทำงาน 2–3 กะต่อวัน ให้ย่นรอบตรวจครึ่งหนึ่งจากคู่มือช่าง เดี๋ยวเจอรั่วซึมหรือโซ่ยืดช้าไป ค่าซ่อมจะบานกว่าค่าเช็คเล็กๆ มาก

สรุปสั้นๆ: แยกชิ้นส่วนเป็นกลุ่ม, เช็คตามชั่วโมงทำงาน, เปลี่ยนของสิ้นเปลืองตามรอบ และจดบันทึกทุกครั้ง แค่นี้คุณก็ลดการหยุดงานกะทันหันและยืดอายุรถยกได้จริง

น้ำมันไฮดรอลิกรถยก

คู่มือการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี
คู่มือการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี

พลังยกของโฟล์คลิฟท์มาจากปั๊ม วาล์ว และกระบอกที่พึ่งพาน้ำมันไฮดรอลิกเพื่อถ่ายทอดแรงและหล่อลื่นไปพร้อมกัน ระบบนี้แพ้สิ่งสกปรกและความหนืดที่ไม่เหมาะสมมากกว่าที่คิด

น้ำมันไฮดรอลิกที่สะอาดและความหนืดเหมาะสม คือหัวใจของระบบยกที่ทำงานนุ่มและทน

ในบ้านเราอากาศค่อนข้างร้อน เลือกความหนืดให้พอดีกับอุณหภูมิหน้างานและลักษณะโหลดได้ตามตารางด้านล่าง โดยส่วนมาก ISO VG 46 ตอบโจทย์งานทั่วไป

ตารางเลือกความหนืด (แนวทางเร็ว)

อุณหภูมิแวดล้อมเกรด (ISO VG)หมายเหตุ
0–30°C32สตาร์ทง่ายในอากาศเย็น
10–40°C46สมดุล เหมาะงานทั่วไปในโรงงาน
20–50°C68กลางแจ้งร้อน/โหลดหนัก

วิธีดูแลให้ระบบยกทำงานลื่นและยืดอายุ

  • ตรวจระดับ: ดับเครื่อง วางงาลงพื้น แล้วดูเกจ/ก้านวัด ระดับต้องอยู่ช่วงที่กำหนด ไม่พร่องบ่อยผิดปกติ
  • ดูสภาพน้ำมัน: สีควรใสอมเหลือง ไม่มีกลิ่นไหม้ ไม่ขุ่น หากขุ่นคล้ายน้ำนมมีโอกาสมีน้ำปน
  • เติมให้ถูก: ใช้เกรดและยี่ห้อเดียวกับที่ใช้อยู่ รินผ่านตัวกรอง 10–25 ไมครอน หลีกเลี่ยงการผสมต่างชนิด
  • ไส้กรอง: เปลี่ยนทุก 500–1,000 ชั่วโมง (หรือเมื่อมีสัญญาณความดันย้อนสูง) ตัวกรองอุดตันทำให้ปั๊มหอน แรงดันตก
  • ไล่อากาศ: หลังเติม/เปลี่ยน ให้ยก–เอียงช้าๆ 10–15 รอบ เพื่อลดฟองและอากาศค้างในระบบ

รอบการบำรุงแบบย่อ (ปรับตามคู่มือรุ่นรถ)

รายการระยะเวลาแนะนำ
ตรวจระดับ/รั่วซึมทุกวันก่อนเริ่มงาน
เปลี่ยนไส้กรองไฮดรอลิกทุก 500–1,000 ชม. หรือทุก 6 เดือน
เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิกทุก 1,500–2,000 ชม. หรือ 12–18 เดือน
ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำมันทุก 1,000 ชม. (ถ้ามีโปรแกรม)

สัญญาณที่บอกว่าควรตรวจระบบทันที

  • ยกอืด งากระตุก หรือกดไม่ค้าง
  • เสียงหอนดังจากปั๊มตอนยกของ
  • น้ำมันเป็นฟอง หรือร้อนจัด (ถังแตะแล้วร้อนผิดปกติ >60–70°C)
  • คราบรั่วที่ซีลกระบอก วาล์ว หรือข้อต่อท่อ

หลีกเลี่ยงการผสมน้ำมันคนละชนิดสารเติมแต่ง (เช่น AW แบบมีซิงค์ กับแบบไร้เถ้า) ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนชนิด ควรถ่ายล้างถัง เปลี่ยนไส้กรอง และทดสอบงานเบาๆ ช่วงแรก

ตรวจเช็ครถโฟล์คลิฟท์

การตรวจเช็คก่อนใช้งานทุกวันคือกำแพงด่านแรกป้องกันอุบัติเหตุและค่าใช้จ่ายบานปลาย ใช้เวลาแค่ 5–10 นาที แต่ช่วยลดการหยุดงานกลางคันได้เยอะมาก ทำเป็นกิจวัตรก่อนขึ้นกะ แล้วจดบันทึกทุกครั้ง ยิ่งมีประวัติซ่อมชัด ยิ่งแก้ปัญหาได้เร็ว

  1. เดินตรวจรอบคันหา “คราบ” และ “รอยรั่ว” ใต้ท้องรถ บริเวณปั๊มไฮดรอลิก ท่อ สาย และข้อต่อ ดูกลิ่นไหม้หรือเสียงแปลกๆ ไว้ด้วย
  2. ระบบยกและเสา: เช็คงาตรงไม่บิด บ่ารับงาไม่สึก โซ่ตึงเท่ากัน ลูกกลิ้งและซีลไม่แตก ทดสอบยกเต็มระยะและค้าง 10–20 วินาที งาไม่ค่อยๆ ตก
  3. เบรกและเบรกมือ: ขับช้าๆ แล้วแตะเบรก รถต้องหยุดตรง เบรกมือดึงแล้วรถไม่ไหลบนพื้นเรียบ
  4. พวงมาลัยและล้อ: ระยะฟรีไม่มากผิดปกติ หมุนแล้วไม่สะดุด ล้อไม่มีแตกบิ่น สึกไม่เรียบ สำหรับยางลมตรวจแรงดันตามคู่มือรุ่น
  5. ของเหลว: ดูระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ (ถ้ามี) ไฮดรอลิก น้ำมันเบรก และน้ำหล่อเย็น สีควรปกติ ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่นไหม้ ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนร้อน
  6. ไฟและสัญญาณ: ไฟหน้า ไฟถอย ไฟเบรก ไฟหมุน แตร และสัญญาณถอยดังครบทุกจุด
  7. แบตเตอรี่: รถไฟฟ้า—น้ำกลั่นถึงเส้น, ขั้วแน่นไม่เป็นคราบขาว สายไม่ร้อน รถเครื่องยนต์—ขั้วสะอาดแน่น สตาร์ตติดง่าย ไม่อืด
  8. อุปกรณ์ความปลอดภัย: เข็มขัดนิรภัย หลังคานิรภัย กระจก/กล้อง ปุ่มตัดฉุกเฉิน และสติ๊กเกอร์เตือนอ่านได้ชัด
  9. ทดลองขับสั้น: เกียร์เข้าออกนุ่ม เร่งแล้วไม่สะดุด ไม่มีเสียงหอนจากเฟืองหรือปั๊ม
  10. เอกสาร: กรอกเช็กลิสต์ ระบุจุดผิดปกติ ถ้าพบรอยรั่วใหญ่ เบรกหาย โซ่ชำรุด ให้ติดป้ายงดใช้งานทันทีและแจ้งช่าง

ตารางตัวอย่างรอบตรวจและงานที่ควรทำ (อ้างอิงคู่มือรุ่นเป็นหลัก)

รอบตรวจงานหลักหมายเหตุ
รายวันเช็ครอบคัน ระบบยก เบรก ไฟ ของเหลวก่อนเริ่มงานทุกกะ
รายสัปดาห์อัดจารบีจุดหมุนเสา ตรวจแรงตึงโซ่ ทำความสะอาดกรองอากาศ (รถเครื่องยนต์)ปรับตามสภาพฝุ่น
ทุก 250 ชม.ตรวจผ้าเบรก ระดับและสภาพน้ำมันเกียร์/ไฮดรอลิก กระชับน็อตโครงเสาบันทึกสภาพชิ้นส่วน
ทุก 500 ชม.เปลี่ยนไส้กรอง (ตามชนิด) ตรวจสายท่อไฮดรอลิกอย่างละเอียด วัดความสึกล้อใช้อะไหล่เทียบสเปกเดิม
ทุก 1,000 ชม. หรือรายปีเปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก/เบรก ตรวจเชิงลึกระบบไฟและพวงมาลัย ตั้งศูนย์ล้อทำร่วมกับงาน PM โดยช่าง

ไม่แน่ใจ = หยุดใช้ บันทึกอาการ แล้วเรียกช่างมาตรวจ อย่าฝืน เพราะค่าซ่อมจากการใช้ต่อทั้งวันมักแพงกว่าหยุดซ่อมชั่วโมงเดียวเยอะมาก

ดูแลแบตเตอรี่รถยก

คู่มือการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี
คู่มือการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี

แบตเตอรี่คือหัวใจของรถยกไฟฟ้า และถึงรถน้ำมันก็ยังพึ่งแบตสตาร์ตอยู่ดี ถ้าดูแลไม่ดี รถเสียจังหวะงานทันที ใช้งานได้สั้นลง แถมค่าใช้จ่ายจะบานปลายแบบไม่น่ารักเลย

อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่กรดตะกั่วคายประจุต่ำกว่า 20% เป็นนิสัย

  • ชาร์จเป็นวินัย: สำหรับแบตกรดตะกั่ว ชาร์จเมื่อเหลือ 20–30% ทำให้เต็มทุกครั้ง แล้วปล่อยพักให้เย็น (คิดง่ายๆ “8 ชม. ทำงาน – 8 ชม. ชาร์จ – 8 ชม. พัก”) หลีกเลี่ยงชาร์จสั้นๆ ถี่ๆ หากไม่ใช่ระบบที่ออกแบบมา
  • Equalize (ถ้ามี): ทำทุก 5–10 รอบชาร์จ หรือสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดซัลเฟตและบาลานซ์เซลล์ ตั้งเวลาทำตอนเลิกกะงาน
  • ดูระดับน้ำ: ตรวจหลังชาร์จ เติมเมื่อเห็นแผ่นตะกั่วโผล่ ระดับควรสูงกว่าแผ่นราว 5–10 มม. ใช้เฉพาะ น้ำกลั่น ใส่ช้าๆ และใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
  • ความสะอาด: เช็ดคราบกรดและฝุ่น ใช้น้ำผสมโซดาไบคาร์บอเนตอ่อนๆ แล้วเช็ดแห้ง ทาจาระบีบางๆ ที่ขั้วกันสนิม
  • อุณหภูมิ: ชาร์จ/เก็บที่ 15–30°C ความร้อนสูงทำให้อายุสั้นลงเร็ว อย่าวางใต้แดดหรือข้างแหล่งความร้อน
  • ตรวจวัด: ไฮโดรมิเตอร์ควรอ่านเต็มที่ราว 1.270–1.285 (25°C) ความต่างระหว่างเซลล์ไม่เกิน 0.030 ต่างมากให้ตรวจซ่อม
  • สายและปลั๊ก: มองหารอยไหม้ หลวม แตก เปลี่ยนโอริง/ขั้วที่กรอบ ห้ามดึงสายแทนดึงหัวปลั๊ก และอย่าเหยียบสาย
  • การเก็บระยะยาว: กรดตะกั่วเก็บที่ 50–70% แล้วชาร์จทดทุก 30 วัน ลิเธียมไอออนเก็บ 30–50% เช็กทุก 3 เดือน หลีกเลี่ยงความชื้น
รายการความถี่ตัวเลขอ้างอิงสั้นๆ
ตรวจระดับน้ำทุกวันหลังชาร์จสูงกว่าแผ่น 5–10 มม.
ชาร์จเต็มรอบทุกครั้งที่ชาร์จหยุดเมื่อไฟเขียวและแบตเย็น
Equalize5–10 รอบ/ครั้ง หรือรายสัปดาห์ตามสเปกผู้ผลิต
ทำความสะอาด/กันสนิมรายสัปดาห์เบกกิ้งโซดาอ่อน + เช็ดแห้ง
วัด SG/แรงดันรายสัปดาห์SG เต็ม ~1.270–1.285 (25°C)
ตรวจสาย/ปลั๊กรายสัปดาห์ไม่หลวม ไม่ร้อน/ไหม้

ถ้าช่วงชาร์จได้กลิ่นเหม็นไข่เน่า ให้ระบายอากาศ เปิดพัดลม และหยุดชาร์จเพื่อตรวจเครื่องชาร์จกับเซลล์ทันที เพราะอาจเกิดแก๊สสะสมหรือโอเวอร์ชาร์จ

สรุปคือ ชาร์จให้ถูกจังหวะ รักษาน้ำให้พอดี คุมความสะอาดและอุณหภูมิ แล้วตรวจเล็กๆ น้อยๆ ให้สม่ำเสมอ แค่นี้อายุใช้งานก็ยาวขึ้นแบบเห็นได้ชัดครับ/ค่ะ

ทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์

การล้างรถโฟล์คลิฟท์ไม่ใช่เรื่องสวยงามอย่างเดียว ฝุ่นกับคราบน้ำมันมันกินชิ้นส่วนเร็วมาก โดยเฉพาะเสา โซ่ยก หม้อน้ำ และชุดล้อ ถ้าปล่อยยาว รถจะร้อนง่าย ประสิทธิภาพตก และเสียงดังน่ารำคาญเวลาใช้งานจริง ๆ

การล้างและเก็บกวาดเป็นประจำช่วยลดความร้อนสะสม ยืดอายุชิ้นส่วน และทำให้เห็นปัญหาเล็กๆ ก่อนบานปลาย.

ขั้นตอนทำความสะอาดแบบสั้นแต่ได้ผล

  1. เตรียมความปลอดภัย: ดับเครื่อง ดึงเบรกมือ ปลดกุญแจ ปิดวาล์วแก๊ส/ตัดแบต รอเครื่องเย็น วางงาแตะพื้น ใส่แว่น/ถุงมือ
  2. ป้องกันจุดอ่อนไหว: คลุมกล่องฟิวส์ ECU คอนเนกเตอร์ กรองอากาศ อัลเทอร์เนเตอร์ สำหรับโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า งดฉีดน้ำแรงดัน ใช้ผ้าเปียกหมาดแทน
  3. กวาด–เป่าฝุ่น: ใช้ลมและแปรงแข็งไล่ฝุ่นที่เสา โซ่ยก หม้อน้ำ/ออยคูลเลอร์ และพื้นห้องเครื่อง เป่าออกด้านนอกไม่ย้อนเข้าห้องเครื่อง
  4. สลายคราบมัน: ฉีด ดีเกรสเซอร์ เฉพาะจุดที่มันเยิ้ม (คาร์เทอร์ ปั๊ม ท่อไฮดรอลิก โครงรถ) ถูด้วยแปรง แล้วรอเวลาให้ทำงาน
  5. ล้างแบบนุ่ม: ใช้น้ำแรงดันต่ำ หลีกเลี่ยงยิงตรงซีล แบริ่ง และข้อต่อ โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าให้เช็ดแทนการราด
  6. ทำให้แห้ง: เป่าลมหรือเช็ดให้แห้ง โดยเน้นโซ่ยก รางเสา ปลายแกนกระบอก และปลั๊กไฟ
  7. หล่อลื่น–ตรวจซ้ำ: หยอดน้ำมันโซ่/รางเสาแบบบาง ๆ เช็ดงาและคาริเอจ มองหาคราบรั่ว รอยแตก นอตคลาย เศษโลหะฝังยาง
  8. ห้องคนขับ: ดูดฝุ่นพื้น เช็ดแป้นเหยียบ คันควบคุม เข็มขัด กระจก คราบลื่นบนแป้นเบรกต้องไม่เหลือ

ตารางจุดที่ควรทำความสะอาดกับความถี่ (แนะนำ)

พื้นที่วิธี/เครื่องมือความถี่
หม้อน้ำ/ออยคูลเลอร์เป่าลมย้อนทิศฝุ่นทุกสัปดาห์หรือทุก 50 ชม.
เสา–โซ่ยก–รางเสากวาด/เช็ดแห้ง แล้วหล่อลื่นบางรายสัปดาห์
ห้องเครื่อง (เครื่องยนต์)ดีเกรสเซอร์เฉพาะจุดมันรายเดือน หรือเมื่อสกปรก
ชุดล้อ–ใต้ท้องงัดเศษพาเลต/สายรัดออกทุกวัน
ตู้ไฟ/คอนเนกเตอร์ (ไฟฟ้า)เป่าลม/ผ้าแห้งรายสัปดาห์

ข้อควรจำและสิ่งที่หลายคนพลาด

  • ห้ามเล็งน้ำแรงดันสูงใส่ซีล แบริ่ง โซ่ และคอนเนกเตอร์ไฟฟ้า น้ำจะเข้าข้างในแล้วพังเงียบ ๆ
  • หลังล้างต้องหล่อลื่นใหม่เฉพาะจุดที่ผู้ผลิตกำหนด ใส่มากไปฝุ่นจะเกาะหนักกว่าเดิม
  • จัดการน้ำเสียและเศษผ้าเปื้อนน้ำมันให้ถูกวิธี ใช้ถาดรอง รองพื้นกันน้ำมัน ไม่ปล่อยลงท่อระบายน้ำ

หลังล้าง ถ้าไม่เป่าให้แห้งที่โซ่และรางเสา สนิมจะมาไว แล้วเวลายกของจะดังเอี๊ยด ๆ ชวนหงุดหงิด

เคล็ดลับเร็ว ๆ: โฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์ควรเน้นทำความสะอาดหม้อน้ำกับออยคูลเลอร์ในช่วงโรงงานฝุ่นเยอะ ส่วนโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าให้โฟกัสที่การเป่าฝุ่นในตู้ไฟและจุดต่อสาย ไม่ใช่น้ำแรงดันสูงครับ

สรุป: การดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานเกิน 10 ปี

การดูแลรถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เรื่องของความทนทาน แต่ยังเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานด้วยนะ การตรวจเช็คตามจุดต่างๆ ที่เราได้พูดถึงไป ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก ระบบไฮดรอลิก หรือแม้แต่สภาพยาง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย การลงทุนลงแรงกับการบำรุงรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยประหยัดค่าซ่อมใหญ่ในอนาคตได้เยอะเลยล่ะ จำไว้ว่ารถโฟล์คลิฟท์ที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ คือหัวใจสำคัญของงานที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ถ้าไม่แน่ใจตรงไหน หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ

คำถามที่พบบ่อย

เราควรตรวจสอบอะไรบ้างก่อนเริ่มใช้รถโฟล์คลิฟท์ทุกวัน?

ก่อนใช้รถโฟล์คลิฟท์ทุกวัน ควรตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำและถังพักน้ำ ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ ตรวจเช็คระบบเบรกและระบบยก รวมถึงสภาพโดยรวมของรถว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่ เพื่อให้การทำงานปลอดภัยและราบรื่น

การดูแลรักษารถโฟล์คลิฟท์สำคัญอย่างไร?

การดูแลรถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ทำให้เครื่องยนต์และระบบต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานผิดปกติของรถด้วยนะ

ถ้าแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์เหลือน้อยกว่า 15% ควรทำอย่างไร?

หากหน้าจอแสดงว่าระดับแบตเตอรี่ต่ำกว่า 15% ควรนำรถไปชาร์จทันที เพื่อให้รถมีพลังงานเพียงพอสำหรับการทำงานและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับแบตเตอรี่ได้

ทำไมต้องเช็คระดับน้ำมันไฮดรอลิคเป็นประจำ?

การเช็คน้ำมันไฮดรอลิคสำคัญมาก เพราะถ้าระดับน้ำมันมากเกินไป อาจทำให้แรงดันสูงจนทำลายซีลต่างๆ ได้ แต่ถ้าน้ำมันน้อยเกินไป รถจะสั่นและอาจทำให้เสียหายได้ ควรเช็คก่อนหรือหลังใช้งานทุกครั้ง

การตรวจเช็คสภาพยางมีความสำคัญอย่างไร?

การตรวจสภาพยางเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ เพราะยางสัมผัสกับพื้นโดยตรง ควรหมั่นสังเกตว่ายางมีรอยแตก รอยรั่ว หรือดอกยางสึกหรอผิดปกติหรือไม่ รวมถึงเช็คแรงดันลมยางให้เหมาะสม เพื่อให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ควรนำรถโฟล์คลิฟท์เข้าซ่อมบำรุงตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่?

ใช่แล้ว! แม้จะมีการกำหนดชั่วโมงการใช้งานสำหรับการซ่อมบำรุง แต่สภาพแวดล้อมการทำงานของแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน ควรนำรถเข้าตรวจเช็คและเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลาที่เหมาะสมเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและยืดอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานที่สุด

Scroll to Top