การดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานกว่า 10 ปี ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดครับ แค่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หมั่นตรวจเช็คตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยกคู่ใจให้มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในการทำงานได้นานขึ้นเยอะเลยครับ บทความนี้จะพาไปดูเทคนิคดีๆ ในการดูแลรถโฟล์คลิฟท์กันครับ
ข้อควรรู้ในการดูแลรถโฟล์คลิฟท์
- หมั่นตรวจสอบการทำงานของไฟแจ้งเตือนต่างๆ และระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- ระดับน้ำมันไฮดรอลิกต้องอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเสมอ หากต่ำไปหรือสูงไป อาจส่งผลเสียต่อรถได้
- ตรวจเช็คสภาพยางและความหนาแน่นของจุ๊บเติมลมเป็นประจำ เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่
- การดูแลแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ หากแบตเตอรี่ต่ำกว่า 15% ควรนำไปชาร์จทันที
- การทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์เป็นประจำ ไม่เพียงทำให้รถดูดี แต่ยังช่วยป้องกันความเสียหายจากสิ่งสกปรกที่อาจสะสม
ชิ้นส่วนรถยก
ไม่ว่าคุณจะใช้รถยกวันละไม่กี่ชั่วโมงหรือทั้งกะ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นทำงานหนักกว่าที่คิด บางอย่างสึกช้า บางอย่างสึกเร็ว และบางครั้งเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
รู้จักชิ้นส่วนหลักและสภาพการสึกของมัน คือกุญแจให้รถยกอยู่กับคุณได้นานเกิน 10 ปี
- โครงสร้างและชุดยก: เสากระโดง (Mast), ลูกสูบยก/เอียง, โซ่และลูกรอก, แคริเจ-พนักพิงกันโหลด, งา/ฟอร์ก, อุปกรณ์ต่อพ่วง (Side shift, Clamp, Rotator)
- ขับเคลื่อนและควบคุม: เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า, เกียร์/ทรานส์มิชชัน, เพลาขับ-เฟืองท้าย, ระบบบังคับเลี้ยว, เบรก, ยางตัน/ยางลม
- ของเหลวและไฟฟ้า: ปั๊ม ไฮดรอลิก, วาล์ว, ท่อ-โอริง-ซีล, หม้อน้ำ/พัดลม, ไส้กรองต่างๆ, แบตเตอรี่/ชาร์จเจอร์ (รถไฟฟ้า), ไดชาร์จและระบบชาร์จ (เครื่องยนต์), สายไฟ-ฟิวส์-สวิตช์นิรภัย, ไฟสัญญาณ-สัญญาณเตือน
ตารางสรุปชิ้นส่วนที่สึกบ่อยและจังหวะที่ควรเช็ค
อะไหล่หลัก | หน้าที่สั้นๆ | สัญญาณสึก/เสีย | รอบเช็ค | อายุใช้งานโดยประมาณ |
---|---|---|---|---|
งา (Forks) | รองรับและสอดยกโหลด | ปลายงาบางลง >10%, งาโก่ง/บิด, ล็อกงาหลวม | รายเดือน | 5,000–10,000 ชม. ขึ้นกับน้ำหนักบ่อยครั้ง |
โซ่และลูกรอกยก | ถ่ายแรงยก | โซ่ยืด, ลิงก์แข็ง, สนิม, เสียงดัง | ทุก 250 ชม. | 6,000–10,000 ชม. |
ลูกสูบยก/เอียงและซีล | ยก-เอียงเสา | คราบน้ำมันที่ก้าน, ยกกระตุก, เอียงแล้วค้าง | รายสัปดาห์ | ซีล 2–4 ปี หรือ 4,000–8,000 ชม. |
ยางตัน/ยางลม | สัมผัสพื้น-รับแรงกระแทก | ดอกสึกถึงเส้นขีด, แตก/บวม, สั่น | รายสัปดาห์ | 1,000–2,000 ชม. |
ผ้าเบรก/ดรัม-จาน | หยุดรถและค้างบนทางลาด | ระยะเบรกยาว, กลิ่นไหม้, เสียงเสียดสี | ทุก 500 ชม. | 2,000–4,000 ชม. |
แบตเตอรี่ตะกั่วกรด (รถไฟฟ้า) | จ่ายไฟให้มอเตอร์/ระบบ | ใช้งานได้สั้นลง, น้ำกรดพร่อง, เซลล์ร้อน | รายวัน | 1,200–1,800 รอบชาร์จ (ราว 3–5 ปี) |
ท่อ/สายไฮดรอลิก | ลำเลียงน้ำมันแรงดัน | แตกลายงา, บวม, ซึม | รายสัปดาห์ | 2–5 ปี |
น้ำมันเครื่อง/กรอง (เครื่องยนต์) | หล่อลื่น/คายความร้อน | น้ำมันดำ-หนืด, เสียงเครื่องดัง | เปลี่ยนทุก 250–500 ชม. | เปลี่ยนตามรอบ ไม่ใช่อายุถาวร |
น้ำมันเกียร์/ทรานส์มิชชัน | ส่งกำลังนุ่มนวล | เปลี่ยนเกียร์กระตุก, สี/กลิ่นผิดปกติ | ทุก 500–1,000 ชม. | เปลี่ยนตามรอบ |
- จุดที่ควรสังเกตเพิ่ม: เพลาบังคับเลี้ยวมีระยะฟรีมากผิดปกติ, เสากระโดงมีรอยคด, แคริเจลื่นไม่สม่ำเสมอ, สวิตช์นิรภัยคันเร่ง/เบรกไม่ตัดการทำงาน
- อุปกรณ์ความปลอดภัย: เข็มขัดนิรภัย, โอเวอร์เฮดการ์ด, แตร, ไฟถอย, ไฟหมุน/ไซเรน ต้องทำงานครบ เพราะช่วยลดอุบัติเหตุและค่าเสียหายที่ตามมา
ถ้าโหลดหนักหรือทำงาน 2–3 กะต่อวัน ให้ย่นรอบตรวจครึ่งหนึ่งจากคู่มือช่าง เดี๋ยวเจอรั่วซึมหรือโซ่ยืดช้าไป ค่าซ่อมจะบานกว่าค่าเช็คเล็กๆ มาก
สรุปสั้นๆ: แยกชิ้นส่วนเป็นกลุ่ม, เช็คตามชั่วโมงทำงาน, เปลี่ยนของสิ้นเปลืองตามรอบ และจดบันทึกทุกครั้ง แค่นี้คุณก็ลดการหยุดงานกะทันหันและยืดอายุรถยกได้จริง
น้ำมันไฮดรอลิกรถยก

พลังยกของโฟล์คลิฟท์มาจากปั๊ม วาล์ว และกระบอกที่พึ่งพาน้ำมันไฮดรอลิกเพื่อถ่ายทอดแรงและหล่อลื่นไปพร้อมกัน ระบบนี้แพ้สิ่งสกปรกและความหนืดที่ไม่เหมาะสมมากกว่าที่คิด
น้ำมันไฮดรอลิกที่สะอาดและความหนืดเหมาะสม คือหัวใจของระบบยกที่ทำงานนุ่มและทน
ในบ้านเราอากาศค่อนข้างร้อน เลือกความหนืดให้พอดีกับอุณหภูมิหน้างานและลักษณะโหลดได้ตามตารางด้านล่าง โดยส่วนมาก ISO VG 46 ตอบโจทย์งานทั่วไป
ตารางเลือกความหนืด (แนวทางเร็ว)
อุณหภูมิแวดล้อม | เกรด (ISO VG) | หมายเหตุ |
---|---|---|
0–30°C | 32 | สตาร์ทง่ายในอากาศเย็น |
10–40°C | 46 | สมดุล เหมาะงานทั่วไปในโรงงาน |
20–50°C | 68 | กลางแจ้งร้อน/โหลดหนัก |
วิธีดูแลให้ระบบยกทำงานลื่นและยืดอายุ
- ตรวจระดับ: ดับเครื่อง วางงาลงพื้น แล้วดูเกจ/ก้านวัด ระดับต้องอยู่ช่วงที่กำหนด ไม่พร่องบ่อยผิดปกติ
- ดูสภาพน้ำมัน: สีควรใสอมเหลือง ไม่มีกลิ่นไหม้ ไม่ขุ่น หากขุ่นคล้ายน้ำนมมีโอกาสมีน้ำปน
- เติมให้ถูก: ใช้เกรดและยี่ห้อเดียวกับที่ใช้อยู่ รินผ่านตัวกรอง 10–25 ไมครอน หลีกเลี่ยงการผสมต่างชนิด
- ไส้กรอง: เปลี่ยนทุก 500–1,000 ชั่วโมง (หรือเมื่อมีสัญญาณความดันย้อนสูง) ตัวกรองอุดตันทำให้ปั๊มหอน แรงดันตก
- ไล่อากาศ: หลังเติม/เปลี่ยน ให้ยก–เอียงช้าๆ 10–15 รอบ เพื่อลดฟองและอากาศค้างในระบบ
รอบการบำรุงแบบย่อ (ปรับตามคู่มือรุ่นรถ)
รายการ | ระยะเวลาแนะนำ |
---|---|
ตรวจระดับ/รั่วซึม | ทุกวันก่อนเริ่มงาน |
เปลี่ยนไส้กรองไฮดรอลิก | ทุก 500–1,000 ชม. หรือทุก 6 เดือน |
เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก | ทุก 1,500–2,000 ชม. หรือ 12–18 เดือน |
ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำมัน | ทุก 1,000 ชม. (ถ้ามีโปรแกรม) |
สัญญาณที่บอกว่าควรตรวจระบบทันที
- ยกอืด งากระตุก หรือกดไม่ค้าง
- เสียงหอนดังจากปั๊มตอนยกของ
- น้ำมันเป็นฟอง หรือร้อนจัด (ถังแตะแล้วร้อนผิดปกติ >60–70°C)
- คราบรั่วที่ซีลกระบอก วาล์ว หรือข้อต่อท่อ
หลีกเลี่ยงการผสมน้ำมันคนละชนิดสารเติมแต่ง (เช่น AW แบบมีซิงค์ กับแบบไร้เถ้า) ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนชนิด ควรถ่ายล้างถัง เปลี่ยนไส้กรอง และทดสอบงานเบาๆ ช่วงแรก
ตรวจเช็ครถโฟล์คลิฟท์
การตรวจเช็คก่อนใช้งานทุกวันคือกำแพงด่านแรกป้องกันอุบัติเหตุและค่าใช้จ่ายบานปลาย ใช้เวลาแค่ 5–10 นาที แต่ช่วยลดการหยุดงานกลางคันได้เยอะมาก ทำเป็นกิจวัตรก่อนขึ้นกะ แล้วจดบันทึกทุกครั้ง ยิ่งมีประวัติซ่อมชัด ยิ่งแก้ปัญหาได้เร็ว
- เดินตรวจรอบคันหา “คราบ” และ “รอยรั่ว” ใต้ท้องรถ บริเวณปั๊มไฮดรอลิก ท่อ สาย และข้อต่อ ดูกลิ่นไหม้หรือเสียงแปลกๆ ไว้ด้วย
- ระบบยกและเสา: เช็คงาตรงไม่บิด บ่ารับงาไม่สึก โซ่ตึงเท่ากัน ลูกกลิ้งและซีลไม่แตก ทดสอบยกเต็มระยะและค้าง 10–20 วินาที งาไม่ค่อยๆ ตก
- เบรกและเบรกมือ: ขับช้าๆ แล้วแตะเบรก รถต้องหยุดตรง เบรกมือดึงแล้วรถไม่ไหลบนพื้นเรียบ
- พวงมาลัยและล้อ: ระยะฟรีไม่มากผิดปกติ หมุนแล้วไม่สะดุด ล้อไม่มีแตกบิ่น สึกไม่เรียบ สำหรับยางลมตรวจแรงดันตามคู่มือรุ่น
- ของเหลว: ดูระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ (ถ้ามี) ไฮดรอลิก น้ำมันเบรก และน้ำหล่อเย็น สีควรปกติ ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่นไหม้ ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนร้อน
- ไฟและสัญญาณ: ไฟหน้า ไฟถอย ไฟเบรก ไฟหมุน แตร และสัญญาณถอยดังครบทุกจุด
- แบตเตอรี่: รถไฟฟ้า—น้ำกลั่นถึงเส้น, ขั้วแน่นไม่เป็นคราบขาว สายไม่ร้อน รถเครื่องยนต์—ขั้วสะอาดแน่น สตาร์ตติดง่าย ไม่อืด
- อุปกรณ์ความปลอดภัย: เข็มขัดนิรภัย หลังคานิรภัย กระจก/กล้อง ปุ่มตัดฉุกเฉิน และสติ๊กเกอร์เตือนอ่านได้ชัด
- ทดลองขับสั้น: เกียร์เข้าออกนุ่ม เร่งแล้วไม่สะดุด ไม่มีเสียงหอนจากเฟืองหรือปั๊ม
- เอกสาร: กรอกเช็กลิสต์ ระบุจุดผิดปกติ ถ้าพบรอยรั่วใหญ่ เบรกหาย โซ่ชำรุด ให้ติดป้ายงดใช้งานทันทีและแจ้งช่าง
ตารางตัวอย่างรอบตรวจและงานที่ควรทำ (อ้างอิงคู่มือรุ่นเป็นหลัก)
รอบตรวจ | งานหลัก | หมายเหตุ |
---|---|---|
รายวัน | เช็ครอบคัน ระบบยก เบรก ไฟ ของเหลว | ก่อนเริ่มงานทุกกะ |
รายสัปดาห์ | อัดจารบีจุดหมุนเสา ตรวจแรงตึงโซ่ ทำความสะอาดกรองอากาศ (รถเครื่องยนต์) | ปรับตามสภาพฝุ่น |
ทุก 250 ชม. | ตรวจผ้าเบรก ระดับและสภาพน้ำมันเกียร์/ไฮดรอลิก กระชับน็อตโครงเสา | บันทึกสภาพชิ้นส่วน |
ทุก 500 ชม. | เปลี่ยนไส้กรอง (ตามชนิด) ตรวจสายท่อไฮดรอลิกอย่างละเอียด วัดความสึกล้อ | ใช้อะไหล่เทียบสเปกเดิม |
ทุก 1,000 ชม. หรือรายปี | เปลี่ยนน้ำมันไฮดรอลิก/เบรก ตรวจเชิงลึกระบบไฟและพวงมาลัย ตั้งศูนย์ล้อ | ทำร่วมกับงาน PM โดยช่าง |
ไม่แน่ใจ = หยุดใช้ บันทึกอาการ แล้วเรียกช่างมาตรวจ อย่าฝืน เพราะค่าซ่อมจากการใช้ต่อทั้งวันมักแพงกว่าหยุดซ่อมชั่วโมงเดียวเยอะมาก
ดูแลแบตเตอรี่รถยก

แบตเตอรี่คือหัวใจของรถยกไฟฟ้า และถึงรถน้ำมันก็ยังพึ่งแบตสตาร์ตอยู่ดี ถ้าดูแลไม่ดี รถเสียจังหวะงานทันที ใช้งานได้สั้นลง แถมค่าใช้จ่ายจะบานปลายแบบไม่น่ารักเลย
อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่กรดตะกั่วคายประจุต่ำกว่า 20% เป็นนิสัย
- ชาร์จเป็นวินัย: สำหรับแบตกรดตะกั่ว ชาร์จเมื่อเหลือ 20–30% ทำให้เต็มทุกครั้ง แล้วปล่อยพักให้เย็น (คิดง่ายๆ “8 ชม. ทำงาน – 8 ชม. ชาร์จ – 8 ชม. พัก”) หลีกเลี่ยงชาร์จสั้นๆ ถี่ๆ หากไม่ใช่ระบบที่ออกแบบมา
- Equalize (ถ้ามี): ทำทุก 5–10 รอบชาร์จ หรือสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดซัลเฟตและบาลานซ์เซลล์ ตั้งเวลาทำตอนเลิกกะงาน
- ดูระดับน้ำ: ตรวจหลังชาร์จ เติมเมื่อเห็นแผ่นตะกั่วโผล่ ระดับควรสูงกว่าแผ่นราว 5–10 มม. ใช้เฉพาะ น้ำกลั่น ใส่ช้าๆ และใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
- ความสะอาด: เช็ดคราบกรดและฝุ่น ใช้น้ำผสมโซดาไบคาร์บอเนตอ่อนๆ แล้วเช็ดแห้ง ทาจาระบีบางๆ ที่ขั้วกันสนิม
- อุณหภูมิ: ชาร์จ/เก็บที่ 15–30°C ความร้อนสูงทำให้อายุสั้นลงเร็ว อย่าวางใต้แดดหรือข้างแหล่งความร้อน
- ตรวจวัด: ไฮโดรมิเตอร์ควรอ่านเต็มที่ราว 1.270–1.285 (25°C) ความต่างระหว่างเซลล์ไม่เกิน 0.030 ต่างมากให้ตรวจซ่อม
- สายและปลั๊ก: มองหารอยไหม้ หลวม แตก เปลี่ยนโอริง/ขั้วที่กรอบ ห้ามดึงสายแทนดึงหัวปลั๊ก และอย่าเหยียบสาย
- การเก็บระยะยาว: กรดตะกั่วเก็บที่ 50–70% แล้วชาร์จทดทุก 30 วัน ลิเธียมไอออนเก็บ 30–50% เช็กทุก 3 เดือน หลีกเลี่ยงความชื้น
รายการ | ความถี่ | ตัวเลขอ้างอิงสั้นๆ |
---|---|---|
ตรวจระดับน้ำ | ทุกวันหลังชาร์จ | สูงกว่าแผ่น 5–10 มม. |
ชาร์จเต็มรอบ | ทุกครั้งที่ชาร์จ | หยุดเมื่อไฟเขียวและแบตเย็น |
Equalize | 5–10 รอบ/ครั้ง หรือรายสัปดาห์ | ตามสเปกผู้ผลิต |
ทำความสะอาด/กันสนิม | รายสัปดาห์ | เบกกิ้งโซดาอ่อน + เช็ดแห้ง |
วัด SG/แรงดัน | รายสัปดาห์ | SG เต็ม ~1.270–1.285 (25°C) |
ตรวจสาย/ปลั๊ก | รายสัปดาห์ | ไม่หลวม ไม่ร้อน/ไหม้ |
ถ้าช่วงชาร์จได้กลิ่นเหม็นไข่เน่า ให้ระบายอากาศ เปิดพัดลม และหยุดชาร์จเพื่อตรวจเครื่องชาร์จกับเซลล์ทันที เพราะอาจเกิดแก๊สสะสมหรือโอเวอร์ชาร์จ
สรุปคือ ชาร์จให้ถูกจังหวะ รักษาน้ำให้พอดี คุมความสะอาดและอุณหภูมิ แล้วตรวจเล็กๆ น้อยๆ ให้สม่ำเสมอ แค่นี้อายุใช้งานก็ยาวขึ้นแบบเห็นได้ชัดครับ/ค่ะ
ทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์

การล้างรถโฟล์คลิฟท์ไม่ใช่เรื่องสวยงามอย่างเดียว ฝุ่นกับคราบน้ำมันมันกินชิ้นส่วนเร็วมาก โดยเฉพาะเสา โซ่ยก หม้อน้ำ และชุดล้อ ถ้าปล่อยยาว รถจะร้อนง่าย ประสิทธิภาพตก และเสียงดังน่ารำคาญเวลาใช้งานจริง ๆ
การล้างและเก็บกวาดเป็นประจำช่วยลดความร้อนสะสม ยืดอายุชิ้นส่วน และทำให้เห็นปัญหาเล็กๆ ก่อนบานปลาย.
ขั้นตอนทำความสะอาดแบบสั้นแต่ได้ผล
- เตรียมความปลอดภัย: ดับเครื่อง ดึงเบรกมือ ปลดกุญแจ ปิดวาล์วแก๊ส/ตัดแบต รอเครื่องเย็น วางงาแตะพื้น ใส่แว่น/ถุงมือ
- ป้องกันจุดอ่อนไหว: คลุมกล่องฟิวส์ ECU คอนเนกเตอร์ กรองอากาศ อัลเทอร์เนเตอร์ สำหรับโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า งดฉีดน้ำแรงดัน ใช้ผ้าเปียกหมาดแทน
- กวาด–เป่าฝุ่น: ใช้ลมและแปรงแข็งไล่ฝุ่นที่เสา โซ่ยก หม้อน้ำ/ออยคูลเลอร์ และพื้นห้องเครื่อง เป่าออกด้านนอกไม่ย้อนเข้าห้องเครื่อง
- สลายคราบมัน: ฉีด ดีเกรสเซอร์ เฉพาะจุดที่มันเยิ้ม (คาร์เทอร์ ปั๊ม ท่อไฮดรอลิก โครงรถ) ถูด้วยแปรง แล้วรอเวลาให้ทำงาน
- ล้างแบบนุ่ม: ใช้น้ำแรงดันต่ำ หลีกเลี่ยงยิงตรงซีล แบริ่ง และข้อต่อ โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าให้เช็ดแทนการราด
- ทำให้แห้ง: เป่าลมหรือเช็ดให้แห้ง โดยเน้นโซ่ยก รางเสา ปลายแกนกระบอก และปลั๊กไฟ
- หล่อลื่น–ตรวจซ้ำ: หยอดน้ำมันโซ่/รางเสาแบบบาง ๆ เช็ดงาและคาริเอจ มองหาคราบรั่ว รอยแตก นอตคลาย เศษโลหะฝังยาง
- ห้องคนขับ: ดูดฝุ่นพื้น เช็ดแป้นเหยียบ คันควบคุม เข็มขัด กระจก คราบลื่นบนแป้นเบรกต้องไม่เหลือ
ตารางจุดที่ควรทำความสะอาดกับความถี่ (แนะนำ)
พื้นที่ | วิธี/เครื่องมือ | ความถี่ |
---|---|---|
หม้อน้ำ/ออยคูลเลอร์ | เป่าลมย้อนทิศฝุ่น | ทุกสัปดาห์หรือทุก 50 ชม. |
เสา–โซ่ยก–รางเสา | กวาด/เช็ดแห้ง แล้วหล่อลื่นบาง | รายสัปดาห์ |
ห้องเครื่อง (เครื่องยนต์) | ดีเกรสเซอร์เฉพาะจุดมัน | รายเดือน หรือเมื่อสกปรก |
ชุดล้อ–ใต้ท้อง | งัดเศษพาเลต/สายรัดออก | ทุกวัน |
ตู้ไฟ/คอนเนกเตอร์ (ไฟฟ้า) | เป่าลม/ผ้าแห้ง | รายสัปดาห์ |
ข้อควรจำและสิ่งที่หลายคนพลาด
- ห้ามเล็งน้ำแรงดันสูงใส่ซีล แบริ่ง โซ่ และคอนเนกเตอร์ไฟฟ้า น้ำจะเข้าข้างในแล้วพังเงียบ ๆ
- หลังล้างต้องหล่อลื่นใหม่เฉพาะจุดที่ผู้ผลิตกำหนด ใส่มากไปฝุ่นจะเกาะหนักกว่าเดิม
- จัดการน้ำเสียและเศษผ้าเปื้อนน้ำมันให้ถูกวิธี ใช้ถาดรอง รองพื้นกันน้ำมัน ไม่ปล่อยลงท่อระบายน้ำ
หลังล้าง ถ้าไม่เป่าให้แห้งที่โซ่และรางเสา สนิมจะมาไว แล้วเวลายกของจะดังเอี๊ยด ๆ ชวนหงุดหงิด
เคล็ดลับเร็ว ๆ: โฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์ควรเน้นทำความสะอาดหม้อน้ำกับออยคูลเลอร์ในช่วงโรงงานฝุ่นเยอะ ส่วนโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าให้โฟกัสที่การเป่าฝุ่นในตู้ไฟและจุดต่อสาย ไม่ใช่น้ำแรงดันสูงครับ
สรุป: การดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นานเกิน 10 ปี
การดูแลรถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เรื่องของความทนทาน แต่ยังเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานด้วยนะ การตรวจเช็คตามจุดต่างๆ ที่เราได้พูดถึงไป ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก ระบบไฮดรอลิก หรือแม้แต่สภาพยาง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย การลงทุนลงแรงกับการบำรุงรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยประหยัดค่าซ่อมใหญ่ในอนาคตได้เยอะเลยล่ะ จำไว้ว่ารถโฟล์คลิฟท์ที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ คือหัวใจสำคัญของงานที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ถ้าไม่แน่ใจตรงไหน หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ
คำถามที่พบบ่อย
เราควรตรวจสอบอะไรบ้างก่อนเริ่มใช้รถโฟล์คลิฟท์ทุกวัน?
ก่อนใช้รถโฟล์คลิฟท์ทุกวัน ควรตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำและถังพักน้ำ ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ ตรวจเช็คระบบเบรกและระบบยก รวมถึงสภาพโดยรวมของรถว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่ เพื่อให้การทำงานปลอดภัยและราบรื่น
การดูแลรักษารถโฟล์คลิฟท์สำคัญอย่างไร?
การดูแลรถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ทำให้เครื่องยนต์และระบบต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานผิดปกติของรถด้วยนะ
ถ้าแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์เหลือน้อยกว่า 15% ควรทำอย่างไร?
หากหน้าจอแสดงว่าระดับแบตเตอรี่ต่ำกว่า 15% ควรนำรถไปชาร์จทันที เพื่อให้รถมีพลังงานเพียงพอสำหรับการทำงานและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับแบตเตอรี่ได้
ทำไมต้องเช็คระดับน้ำมันไฮดรอลิคเป็นประจำ?
การเช็คน้ำมันไฮดรอลิคสำคัญมาก เพราะถ้าระดับน้ำมันมากเกินไป อาจทำให้แรงดันสูงจนทำลายซีลต่างๆ ได้ แต่ถ้าน้ำมันน้อยเกินไป รถจะสั่นและอาจทำให้เสียหายได้ ควรเช็คก่อนหรือหลังใช้งานทุกครั้ง
การตรวจเช็คสภาพยางมีความสำคัญอย่างไร?
การตรวจสภาพยางเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ เพราะยางสัมผัสกับพื้นโดยตรง ควรหมั่นสังเกตว่ายางมีรอยแตก รอยรั่ว หรือดอกยางสึกหรอผิดปกติหรือไม่ รวมถึงเช็คแรงดันลมยางให้เหมาะสม เพื่อให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ควรนำรถโฟล์คลิฟท์เข้าซ่อมบำรุงตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่?
ใช่แล้ว! แม้จะมีการกำหนดชั่วโมงการใช้งานสำหรับการซ่อมบำรุง แต่สภาพแวดล้อมการทำงานของแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน ควรนำรถเข้าตรวจเช็คและเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลาที่เหมาะสมเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและยืดอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานที่สุด