การเลือกซื้อรถยก หรือ รถโฟล์คลิฟท์สักคันสำหรับธุรกิจ ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญ การจะเลือกรถที่ใช่และคุ้มค่าที่สุดนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของราคาอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่าง ทั้งลักษณะงานที่ทำ ขนาดของพื้นที่ ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อให้คุณได้รถที่ตรงใจและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปดูทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจครับ
ทุกสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อรถยก
- การเลือกขนาดรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ให้เหมาะสมกับน้ำหนักสินค้าและพื้นที่ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเผื่อน้ำหนักบรรทุกไว้เล็กน้อยเสมอ
- พิจารณาความสูงที่รถต้องยก และความสูงของเสา รวมถึงสิ่งกีดขวาง เช่น คาน หรือโคมไฟในพื้นที่ทำงาน
- เลือกรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ไฟฟ้าสำหรับพื้นที่ปิดหรือในอาคาร และรถยนต์สันดาป (ดีเซล, เบนซิน, แก๊ส) สำหรับพื้นที่โล่งแจ้งหรือใช้งานหนักต่อเนื่อง
- การเลือกยางให้ถูกประเภทกับการใช้งาน เช่น ยางตันสำหรับพื้นเรียบ ยางลมสำหรับพื้นขรุขระ จะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความปลอดภัย
- เลือกผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ มีบริการหลังการขายที่ดี มีช่างผู้เชี่ยวชาญ และมีอะไหล่พร้อมให้บริการ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น
รถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มือสอง

การเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มือสองสักคันนั้นมีหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เพื่อให้ได้รถที่คุ้มค่าและตรงกับการใช้งานจริงมากที่สุดนะครับ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรรู้
ขนาดและน้ำหนักบรรทุก
สิ่งแรกที่ต้องถามตัวเองคือ “เราจะยกของน้ำหนักเท่าไหร่?” และ “สินค้าของเรากว้างแค่ไหน?” การเลือกขนาดรถให้เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่ต้องยกเป็นเรื่องสำคัญมาก ควรเผื่อไว้สักหน่อย เช่น ถ้าต้องยกของหนัก 1.5 ตัน การเลือกรถที่ยกได้ 2 หรือ 2.5 ตัน จะปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ ขนาดของรถโดยรวมก็สำคัญเช่นกัน ต้องดูว่าพื้นที่ทำงานของเรามีทางเดินกว้างแค่ไหน สูงเท่าไหร่ ถ้าเลือกรถที่ใหญ่เกินไป อาจจะวิ่งไม่ได้ หรือเกิดความเสียหายได้ง่าย
สภาพแวดล้อมการทำงาน
สถานที่ที่เราจะใช้รถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ก็มีผลต่อการเลือกประเภทของรถเหมือนกันนะ ถ้าต้องทำงานในอาคาร ในที่ปิด หรือห้องแอร์ ควรเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ไฟฟ้า เพราะไม่มีไอเสีย ถ้าต้องทำงานกลางแจ้ง วิ่งทั้งในและนอกอาคาร หรือใช้งานหนักต่อเนื่องนานๆ รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ดีเซล, เบนซิน, แก๊ส) จะเหมาะสมกว่า นอกจากนี้ ความสูงของเพดาน หรือมีคานไฟที่แขวนต่ำๆ ก็ต้องนำมาพิจารณาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะยกของได้สูงตามต้องการและไม่ติดขัด
ประเภทของยาง
ยางรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มีหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็เหมาะกับการใช้งานต่างกันไป
- ยางตัน ดอกยางลาย (Pneumatic Tires (Solid)): เหมาะกับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง
- ยางแบบสูบลม (Pneumatic Tires (Air Filled)): เหมาะกับพื้นที่ขรุขระ หรือการใช้งานกลางแจ้ง
- ยางตัน ดอกเรียบ กันกระแทก (CUSHION TIRES): เหมาะกับการใช้งานในร่ม หรือบนพื้นผิวเรียบอย่างพื้นปูน
ถ้าไม่แน่ใจว่าแบบไหนเหมาะกับงานของเรา ลองถ่ายรูปสภาพหน้างานให้ผู้ขายดู เขาก็จะช่วยแนะนำได้ครับ
การตรวจสอบสภาพรถเบื้องต้น
ก่อนตัดสินใจซื้อรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มือสอง ควรตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด
- รอยรั่ว: ดูตามกระบอกเสา, รอบหม้อน้ำ
- การทำงานของเครื่องยนต์: ฟังเสียง, ดูควัน, ลองดมกลิ่นอากาศว่ามีกลิ่นผิดปกติไหม
- ระบบเบรกและสัญญาณต่างๆ: ทดลองใช้แตร, ไฟ, เบรก, คันโยกต่างๆ ว่าทำงานปกติหรือไม่
- อุปกรณ์ความปลอดภัย: ตรวจสอบเข็มขัดนิรภัย, โครงป้องกันเหนือศีรษะว่ามีรอยบุบหรือเสียหายหรือไม่
- มาตรวัดระยะทาง (ชั่วโมงการใช้งาน): ดูว่าตัวเลขสอดคล้องกับสภาพการสึกหรอของรถหรือไม่ รถที่ใช้งานน้อยมักจะดีกว่า แต่ก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นประกอบด้วย
การซื้อรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มือสอง ควรเลือกจากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ และถ้าเป็นไปได้ ควรพาช่างผู้ชำนาญมาช่วยตรวจสอบสภาพรถด้วย จะช่วยให้เรามั่นใจได้มากขึ้นครับ
บริการหลังการขายและผู้จำหน่าย
การเลือกผู้จำหน่ายก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ มีศูนย์บริการใกล้เคียง มีช่างที่พร้อมให้บริการ มีอะไหล่พร้อม และมีความเป็นมืออาชีพในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการให้ความรู้และสอนวิธีการใช้งานเบื้องต้นอย่างถูกต้อง
แบตเตอรี่รถยกไฟฟ้า

การเลือกแบตเตอรี่สำหรับรถยกไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและระยะเวลาการใช้งานของรถเลยทีเดียวครับ ถ้าเลือกไม่ดี อาจจะทำให้รถทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนบ่อยๆ ซึ่งไม่คุ้มกันเลย
ชนิดของแบตเตอรี่
โดยทั่วไปแล้ว รถยกไฟฟ้าจะใช้แบตเตอรี่อยู่ 2 แบบหลักๆ คือ
- แบตเตอรี่ตะกั่วกรด (Lead-Acid Batteries): เป็นแบบที่นิยมใช้กันมานาน ราคาไม่สูงมากนัก แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก และต้องการการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเติมน้ำกลั่น
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Batteries): เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น มีน้ำหนักเบากว่า ทนทานกว่า และไม่ต้องดูแลรักษามากเท่าแบตเตอรี่ตะกั่วกรด แต่ราคาก็จะสูงกว่าพอสมควรครับ
การพิจารณาเลือกแบตเตอรี่
เวลาจะเลือกซื้อแบตเตอรี่ ควรดูอะไรบ้าง?
- ความจุ (Capacity): ดูว่าแบตเตอรี่มีความจุเท่าไหร่ (วัดเป็น Ah – แอมแปร์-ชั่วโมง) ซึ่งจะบอกว่าแบตเตอรี่สามารถจ่ายไฟได้นานแค่ไหน ยิ่งความจุสูง ก็ยิ่งใช้งานได้นานขึ้นครับ ต้องเลือกให้เหมาะกับลักษณะงานของเราด้วย
- แรงดันไฟฟ้า (Voltage): รถยกแต่ละรุ่นก็ใช้แรงดันไฟฟ้าไม่เท่ากัน ต้องเลือกให้ตรงกับสเปกของรถนะครับ
- อายุการใช้งาน (Cycle Life): แบตเตอรี่แต่ละชนิดมีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน โดยทั่วไปแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า
- การรับประกัน: ตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันให้ดีครับ ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง และนานแค่ไหน
การเลือกแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับการใช้งาน จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยกไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาวได้ครับ
การดูแลรักษาแบตเตอรี่
เพื่อให้แบตเตอรี่รถยกไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ควรดูแลรักษาดังนี้ครับ:
- การชาร์จ: ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มทุกครั้งหลังใช้งาน และหลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อยๆ
- การทำความสะอาด: หมั่นทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่และตัวแบตเตอรี่ เพื่อป้องกันการเกิดคราบสกปรกที่อาจส่งผลต่อการนำไฟฟ้า
- การตรวจสอบระดับน้ำกลั่น (สำหรับแบตเตอรี่ตะกั่วกรด): หากใช้แบตเตอรี่ชนิดตะกั่วกรด ต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นและเติมเมื่อพร่อง
- การระบายอากาศ: ควรติดตั้งแบตเตอรี่ในบริเวณที่มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
อุปกรณ์เสริมรถโฟล์คลิฟท์

นอกเหนือจากตัวรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)เองแล้ว การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานให้หลากหลายมากขึ้น ลองมาดูกันว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่น่าสนใจ:
ยางรถโฟล์คลิฟท์
ยางเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นโดยตรง มีผลต่อการยึดเกาะและการเคลื่อนที่ ยางรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มีหลายประเภท แต่ละแบบก็เหมาะกับการใช้งานต่างกันไป:
- ยางตัน ดอกเรียบ (Cushion Tires): เหมาะสำหรับใช้งานในร่ม หรือบนพื้นผิวเรียบอย่างพื้นปูน ยางประเภทนี้จะให้ความรู้สึกนุ่มนวลและลดแรงกระแทกได้ดี
- ยางตัน ดอกบั้ง (Pneumatic Tires – Solid): เป็นยางตันที่ออกแบบมาให้ทนทาน เหมาะกับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง สามารถรับน้ำหนักได้ดี
- ยางลม (Pneumatic Tires – Air Filled): เหมาะสำหรับพื้นที่ขรุขระ หรือการใช้งานนอกอาคารที่ต้องเจอพื้นผิวไม่เรียบ ยางลมจะช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น
การเลือกยางให้ถูกประเภทกับการใช้งานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและเพิ่มความปลอดภัยได้มาก หากไม่แน่ใจ ลองถ่ายรูปสภาพพื้นที่ทำงานให้ผู้จำหน่ายช่วยแนะนำได้ครับ
อุปกรณ์เสริมพิเศษ
นอกจากยางแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้รถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ได้อีก เช่น:
- ที่คีบ (Fork Clamp): ใช้สำหรับจับและยกสินค้าที่ไม่สามารถใช้กับงาปกติได้ เช่น ม้วนกระดาษ หรือถังน้ำมัน
- งาหมุน (Rotator): ช่วยให้งาสามารถหมุนได้ 180 องศา เหมาะกับการเทของ หรือจัดการกับสินค้าที่เป็นทรงกระบอก
- ที่ดันพาเลท (Pallet Pusher): ใช้สำหรับดันพาเลทออกจากรถบรรทุกโดยไม่ต้องใช้การสอดงาเข้าไป
- กระบอกข้าง (Side Shifter): ช่วยให้งาเคลื่อนที่ไปด้านข้างได้ ทำให้การจัดวางสินค้าทำได้ง่ายและแม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องขยับตัวรถมาก
การเลือกอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ควรพิจารณาจากลักษณะของสินค้าและกระบวนการทำงานเป็นหลัก เพื่อให้ได้โซลูชันที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ
การเลือกอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมจะช่วยให้รถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ทำงานได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสียหายต่อสินค้า และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้เป็นอย่างดี
เลือกผู้จำหน่ายรถโฟล์คลิฟท์
การเลือกผู้จำหน่ายรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ที่ดีเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การเลือกรถให้ตรงกับการใช้งานเลยนะ เพราะถึงแม้เราจะได้รถที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าผู้จำหน่ายไม่มีบริการหลังการขายที่ดี หรือไม่มีอะไหล่ให้ ก็อาจจะทำให้ธุรกิจของเราสะดุดได้เหมือนกัน
ตรวจสอบความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขาย
เวลาเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์(รถยก) ควรดูว่าผู้จำหน่ายมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน มีสำนักงานหรือศูนย์บริการใกล้เคียงพื้นที่ทำงานของเราหรือเปล่า ที่สำคัญคือต้องมีทีมช่างที่พร้อมให้บริการ มีอะไหล่พร้อมส่ง และมีความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา เพราะถ้าเกิดรถเสียขึ้นมาแล้วต้องรออะไหล่นานๆ หรือรอช่างนานๆ อาจจะทำให้งานของเราล่าช้าไปหมด
การให้ความรู้และอบรมการใช้งาน
ผู้จำหน่ายที่ดีควรจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)เป็นอย่างดี และสามารถให้คำแนะนำ รวมถึงสอนวิธีการใช้งานเบื้องต้นให้กับเราได้ด้วยนะ ยิ่งถ้าเจ้าหน้าที่ที่สอนผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กระทรวงกำหนดมาด้วย ก็ยิ่งมั่นใจได้เลยว่าเราจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้องและปลอดภัย
เปรียบเทียบราคาและคุณภาพ
แน่นอนว่าเรื่องราคาเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ก็ไม่ควรเลือกซื้อแต่รถที่ราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว เพราะบางทีรถราคาถูกอาจจะมาพร้อมกับการรับประกันที่น้อย หรือคุณภาพที่ไม่ดีเท่าที่ควร เราควรเปรียบเทียบราคาของรถแต่ละยี่ห้อ รุ่น และดูบริการหลังการขายประกอบกันไปด้วย เพื่อให้ได้รถที่คุ้มค่าที่สุดในระยะยาว
พิจารณาประเภทของรถและยี่ห้อ
ผู้จำหน่ายที่ดีควรจะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ที่เหมาะกับการใช้งานของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นรถระบบไฟฟ้า หรือระบบสันดาป (ดีเซล, เบนซิน, แก๊ส) รวมถึงขนาดของรถที่เหมาะสมกับน้ำหนักสินค้าและพื้นที่ทำงาน นอกจากนี้ การเลือกยี่ห้อรถก็สำคัญ เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นต่างกันไป ควรเลือกยี่ห้อที่มีชื่อเสียง มีอะไหล่พร้อม และมีบริการหลังการขายที่ดี
การเลือกผู้จำหน่ายที่ไว้ใจได้ จะช่วยให้เราอุ่นใจในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ไปอีกนาน ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาจุกจิกกวนใจภายหลัง
การบำรุงรักษาโฟล์คลิฟท์
การดูแลรักษารถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญมากครับ ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาวด้วยนะ ลองนึกภาพว่าถ้าวันหนึ่งรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)เกิดเสียขึ้นมากลางงานพอดี คงจะวุ่นวายกันน่าดูเลยใช่ไหมล่ะครับ
การตรวจสอบเบื้องต้นก่อนใช้งาน
ก่อนจะสตาร์ทเครื่องหรือเริ่มทำงานทุกครั้ง ควรมีการตรวจเช็คสภาพรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)เบื้องต้นก่อนเสมอครับ สิ่งที่ควรดูหลักๆ ก็จะมี:
- ระดับของเหลวต่างๆ: เช็คน้ำมันเครื่อง น้ำมันไฮดรอลิก และน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าพร่องก็เติมให้เรียบร้อย
- สภาพยาง: ดูว่ายางมีรอยฉีกขาด บวม หรือสึกหรอผิดปกติหรือไม่ ยางที่สภาพดีจะช่วยให้การทรงตัวของรถดีขึ้นเยอะเลยครับ
- ระบบเบรก: ลองเหยียบเบรกดูว่ายังหนืดแน่นดีอยู่ไหม หรือมีเสียงผิดปกติอะไรหรือเปล่า
- ระบบไฮดรอลิก: ลองยกงาขึ้นลงดูว่าทำงานได้ราบรื่นดีไหม มีเสียงดังผิดปกติ หรือมีน้ำมันรั่วซึมตรงไหนหรือเปล่า
- ไฟสัญญาณต่างๆ: ตรวจสอบว่าไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และแตร ใช้งานได้ปกติหรือไม่
การบำรุงรักษาตามระยะ
นอกจากการตรวจเช็คประจำวันแล้ว การนำรถเข้าบำรุงรักษาตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนดก็สำคัญไม่แพ้กันครับ โดยทั่วไปแล้ว การบำรุงรักษาตามระยะจะครอบคลุมถึง:
- การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง: ควรเปลี่ยนตามระยะเวลาหรือชั่วโมงการใช้งานที่กำหนด เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- การตรวจสอบและหล่อลื่นจุดต่างๆ: เช่น ข้อต่อต่างๆ ของเสาไฮดรอลิก โซ่ หรือล้อ เพื่อลดการสึกหรอ
- การตรวจสอบระบบไฟฟ้า: สำหรับรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ไฟฟ้า การดูแลแบตเตอรี่ ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ และระบบชาร์จไฟ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
- การตรวจสอบสภาพงา: ดูว่ามีรอยร้าว โค้งงอ หรือสึกหรอที่ส่วนโค้งของงาหรือไม่ เพราะเป็นจุดที่รับน้ำหนักมากที่สุด
การบำรุงรักษาที่ดี ไม่ใช่แค่การซ่อมเมื่อเสีย แต่คือการป้องกันไม่ให้เสียต่างหากครับ การลงทุนกับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในอนาคตได้แน่นอน
การเลือกอะไหล่และศูนย์บริการ
เวลาที่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ หรือนำรถเข้าซ่อม ควรเลือกใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และเลือกศูนย์บริการที่มีความน่าเชื่อถือ มีช่างผู้ชำนาญการ และสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานและการบำรุงรักษาได้อย่างถูกต้อง การเลือกผู้จำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่ดี จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากครับ
สรุป: เลือกรถโฟล์คลิฟท์คู่ใจให้ธุรกิจของคุณ
การเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)สักคันไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ ถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ต้องใช้จริงๆ การพิจารณาเรื่องน้ำหนักที่ต้องยก ความสูงที่ต้องทำงาน ประเภทของพื้นผิวที่ใช้งาน หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมการทำงาน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราได้รถที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด อย่าลืมว่าการเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพและบริการหลังการขายที่ดีจากผู้จำหน่ายที่ไว้ใจได้ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและคุ้มค่าในระยะยาวครับ
คำถามที่พบบ่อย
ต้องเลือกขนาดรถโฟล์คลิฟท์ยังไงให้เหมาะกับงาน?
การเลือกขนาดรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ต้องดูน้ำหนักสินค้าสูงสุดที่จะยก ความกว้างของสินค้า และพื้นที่ที่รถจะวิ่ง ว่ากว้างและสูงเท่าไหร่ ควรเลือกรถที่มีน้ำหนักยกได้มากกว่าสินค้าหนักสุดที่เราต้องยกเสมอ เพื่อความปลอดภัยและใช้งานได้นานขึ้น
รถโฟล์คลิฟท์แบบไหนเหมาะกับงานในร่มหรืองานกลางแจ้ง?
ถ้าต้องใช้งานในอาคาร ในห้องแอร์ หรือที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ควรเลือกรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ไฟฟ้า เพราะไม่มีควันเสีย แต่ถ้าต้องใช้งานกลางแจ้ง พื้นที่กว้าง หรือใช้งานหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง รถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ที่ใช้น้ำมัน (ดีเซล เบนซิน หรือแก๊ส) จะเหมาะสมกว่า
ยางรถโฟล์คลิฟท์แบบไหนดีที่สุด?
ยางรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มี 3 แบบหลักๆ คือ ยางตันลาย (ใช้ได้ทั้งในและนอกอาคาร), ยางลม (เหมาะกับพื้นขรุขระหรือนอกอาคาร) และยางตันแบบกันกระแทก (เหมาะกับพื้นปูนในอาคาร) การเลือกยางที่ถูกต้องจะช่วยให้รถวิ่งได้ดีและปลอดภัยขึ้น
ซื้อรถโฟล์คลิฟท์มือสองต้องดูอะไรบ้าง?
การเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)มือสอง ควรตรวจสอบสภาพรถให้ละเอียด เช่น งา, โซ่ยก, เสา, ยาง, เครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัยต่างๆ ควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือและมีการรับประกันให้ด้วย
ทำไมการเลือกบริษัทผู้จำหน่ายรถโฟล์คลิฟท์ถึงสำคัญ?
การเลือกรถโฟล์คลิฟท์(รถยก)ควรดูที่ยี่ห้อและบริษัทผู้จำหน่ายด้วย เลือกร้านที่มีบริการหลังการขายที่ดี มีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล และมีอะไหล่พร้อมให้บริการ จะช่วยให้เราอุ่นใจเมื่อรถมีปัญหา
การดูแลรักษารถโฟล์คลิฟท์ต้องทำอย่างไรบ้าง?
การบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์(รถยก)เป็นประจำ เช่น การเช็คน้ำมันเครื่อง, ระบบไฮดรอลิก, ยาง, และแบตเตอรี่ (สำหรับรถไฟฟ้า) จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้ายแรงที่อาจทำให้เสียค่าซ่อมแพง