Bangkok Forklift Center Co., Ltd. (BFC)

บริษัท บางกอกฟอร์คลิฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด (BFC)

ขาย เช่า ซื้อ ซ่อมบำรุง ดูแล รถโฟล์คลิฟท์ ครบวงจร ติดต่อเรา

ขาย เช่า ซื้อ ซ่อมบำรุง ดูแล รถโฟล์คลิฟท์ ครบวงจร ติดต่อเรา

ก่อตั้ง พ.ศ. 2527

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่
รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่

การเปรียบเทียบรถโฟล์คลิฟท์รุ่นเก่าและใหม่สำหรับคลังสินค้า

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่
รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่

การเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้ามีการพัฒนาไปมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน รถรุ่นใหม่ๆ ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องทำงานในพื้นที่ที่จำกัด หรือต้องการความคล่องตัวสูง

ความแตกต่างของรถ Reach Truck และรถโฟล์คลิฟท์แบบทั่วไป

รถโฟล์คลิฟท์แบบดั้งเดิม หรือที่เรียกว่า Counter Balance นั้น มีลักษณะเด่นคือมีน้ำหนักถ่วงด้านหลังเพื่อความสมดุล แต่รถ Reach Truck ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดกว่ามาก และมีเสายกที่สามารถยื่นออกไปได้ ทำให้สามารถยกสินค้าในที่แคบได้ดีกว่า ความสามารถในการเข้าถึงที่สูงและพื้นที่จำกัดคือจุดเด่นสำคัญของ Reach Truck

  • ขนาดตัวรถ: Reach Truck มีขนาดเล็กกว่า ทำให้เข้าถึงช่องทางเดินแคบๆ ได้ดี
  • เสายก: เสายกของ Reach Truck สามารถยื่นออกไปได้ ช่วยให้ยกสินค้าได้แม่นยำขึ้น
  • การทรงตัว: Reach Truck ออกแบบมาให้มีความมั่นคงในการยกของสูง แม้จะมีขนาดเล็ก

ประสิทธิภาพการทำงานในพื้นที่จำกัด

ในคลังสินค้าสมัยใหม่ พื้นที่จัดเก็บมักถูกออกแบบให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ซึ่งหมายถึงทางเดินที่แคบลง รถโฟล์คลิฟท์แบบทั่วไปอาจประสบปัญหาในการเคลื่อนที่และทำงานในพื้นที่เหล่านี้ แต่รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้า Reach Truck ถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ด้วยวงเลี้ยวที่แคบกว่าและขนาดที่เล็กกว่า ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เกะกะ

การทำงานในพื้นที่จำกัดต้องการรถที่มีความคล่องตัวสูง Reach Truck จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมกว่ารถโฟล์คลิฟท์แบบดั้งเดิมในหลายกรณี

การออกแบบเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย

รถโฟล์คลิฟท์รุ่นใหม่ๆ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การยกและวางสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถยืนหรือนั่งได้ เพื่อความสะดวกสบายในการทำงานที่ยาวนาน หรือการออกแบบให้มีระบบควบคุมที่ทันสมัย ช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน การเปรียบเทียบรถโฟล์คลิฟท์รุ่นเก่าและใหม่จึงเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในด้านการออกแบบที่เน้นผู้ใช้งานและประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม

ปัจจัยสำคัญในการเลือกรถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้า

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่
รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่

การเลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช่สำหรับคลังสินค้าของคุณไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้เลยนะครับ มันมีหลายอย่างที่ต้องคิดถึง เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้เครื่องมือที่ทำงานได้ดีที่สุดกับงานของเรา และที่สำคัญคือปลอดภัยด้วย ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรพิจารณา

การวิเคราะห์ความต้องการและลักษณะงาน

ก่อนอื่นเลย เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะเอารถโฟล์คลิฟท์ไปใช้ทำอะไรบ้างในคลังสินค้าของเรา งานของเรามันหนักแค่ไหน ต้องยกของบ่อยแค่ไหน แล้วของที่เรายกมันมีลักษณะยังไง เป็นกล่องใหญ่ๆ หรือเป็นพาเลทสินค้าที่วางซ้อนกันสูงๆ การเข้าใจลักษณะงานจะช่วยให้เราเลือกประเภทรถและสเปกที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ

  • ประเภทของสินค้า: สินค้าที่ยกเป็นแบบไหน? มีขนาดและน้ำหนักเท่าไหร่? ต้องยกขึ้นที่สูงแค่ไหน?
  • สภาพแวดล้อมการทำงาน: จะใช้งานในอาคารหรือนอกอาคาร? พื้นที่ทำงานเป็นแบบไหน? แคบหรือกว้าง? มีสิ่งกีดขวางเยอะไหม?
  • ปริมาณงาน: ต้องยกของมากน้อยแค่ไหนต่อวัน? มีการทำงานเป็นกะหรือไม่?

การพิจารณาน้ำหนักและความสูงในการยก

เรื่องน้ำหนักและความสูงนี่สำคัญมากจริงๆ ครับ เพราะมันเกี่ยวกับทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยโดยตรงเลย

  • น้ำหนักบรรทุกสูงสุด (Load Capacity): ต้องเลือกให้รองรับน้ำหนักของที่หนักที่สุดที่เราจะยกได้สบายๆ ไม่ใช่แค่พอดีเป๊ะนะครับ ควรเผื่อไว้หน่อยเพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของรถด้วย
  • ความสูงในการยก (Lifting Height): ดูว่าชั้นวางสินค้าของเราสูงแค่ไหน หรือเราต้องวางของบนที่สูงแค่ไหน รถโฟล์คลิฟท์ต้องยกได้ถึงจุดนั้นแบบเหลือๆ หน่อยนะครับ ไม่ใช่แค่พอดีเป๊ะ เพราะเวลาทำงานจริงมันอาจมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

การเลือกสเปกที่เหมาะสมกับน้ำหนักและความสูง จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน และทำให้การทำงานราบรื่นขึ้นเยอะเลยครับ

ความปลอดภัยและระบบการทำงาน

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือเรื่องความปลอดภัยครับ รถโฟล์คลิฟท์สมัยใหม่มีระบบความปลอดภัยเยอะแยะเลยที่เราควรพิจารณา

  • ระบบเบรก: มีระบบเบรกที่ดีและไว้ใจได้แค่ไหน?
  • ระบบเตือน: มีเสียงเตือนเมื่อถอยหลัง หรือเมื่อมีสิ่งกีดขวางไหม?
  • โครงสร้าง: ตัวรถมีความแข็งแรง มั่นคงหรือไม่? เสาลิฟท์ออกแบบมาให้ปลอดภัยแค่ไหน?
  • ระบบควบคุม: การบังคับเลี้ยว การควบคุมการยก ทำได้ง่ายและแม่นยำหรือไม่?

การใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ จะช่วยให้เราได้รถโฟล์คลิฟท์ที่ทำงานได้ดี ปลอดภัย และคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาวครับ

ประเภทของรถโฟล์คลิฟท์และแหล่งพลังงาน

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่
รถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ เปรียบเทียบรุ่นเก่าและใหม่

เวลาเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์สักคันเนี่ย มันมีหลายแบบให้เลือกจริงๆ นะครับ แล้วแต่ละแบบก็ใช้พลังงานต่างกันไปอีก วันนี้เราจะมาดูกันว่ามีแบบไหนบ้าง แล้วแต่ละแบบเหมาะกับงานแบบไหน

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า: ข้อดีและข้อจำกัด

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับคลังสินค้าสมัยใหม่ เพราะมันเงียบกว่า ไม่ปล่อยควัน แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันไปได้เยอะเลยนะ การทำงานก็ราบรื่น ไม่ค่อยมีเสียงดังรบกวน ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นเยอะเลย แถมไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บถังเชื้อเพลิงที่อาจเป็นอันตรายด้วยนะ

ข้อดีหลักๆ ก็คือ:

  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ทำให้พื้นที่ทำงานสะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพ
  • ทำงานเงียบ: เสียงเบามาก ไม่รบกวนสมาธิของคนทำงาน
  • ค่าบำรุงรักษาต่ำ: ไม่มีเครื่องยนต์ที่ต้องดูแลมากนัก
  • คล่องตัว: เลี้ยวได้แคบ เหมาะกับพื้นที่จำกัด

แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างนะ อย่างเรื่องระยะทางวิ่งที่อาจจะสั้นกว่ารถที่ใช้น้ำมัน หรือเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ที่อาจจะนานกว่าการเติมน้ำมันทั่วไป แล้วก็ราคาเริ่มต้นอาจจะสูงกว่านิดหน่อย แต่ถ้ามองในระยะยาว เรื่องค่าใช้จ่ายรวมๆ แล้วถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเหมาะมากสำหรับงานในร่ม หรือพื้นที่ที่ต้องการความเงียบและสะอาดเป็นพิเศษ การดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ ทำให้พนักงานทำงานได้สบายขึ้นเยอะเลย

รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล: ความทนทานและประสิทธิภาพ

ถ้าพูดถึงรถโฟล์คลิฟท์ดีเซล ก็ต้องนึกถึงความแรง ความทนทานเลยครับ รถพวกนี้เหมาะกับงานหนักๆ งานกลางแจ้ง หรือในพื้นที่ที่ต้องการกำลังสูงๆ เพราะเครื่องยนต์ดีเซลมันให้แรงบิดที่ดี ยกของหนักๆ ได้สบาย แถมยังลุยได้ทุกสภาพอากาศ ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำ

ข้อดีของมันก็คือ:

  • กำลังสูง: เหมาะกับงานยกของหนัก หรือทำงานต่อเนื่องยาวนาน
  • ทนทาน: ออกแบบมาให้ใช้งานหนักได้ดี ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ
  • เติมน้ำมันเร็ว: เติมน้ำมันได้ไว พร้อมทำงานต่อได้ทันที

แต่ข้อเสียก็คือเรื่องเสียงดังและควันไอเสียที่ออกมา ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับงานในร่ม หรือพื้นที่ที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์ และค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์ก็อาจจะสูงกว่ารถไฟฟ้าอยู่บ้าง

รถโฟล์คลิฟท์ LPG: ความคุ้มค่าและการใช้งาน

รถโฟล์คลิฟท์ LPG หรือที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ มันมีความสมดุลระหว่างรถไฟฟ้ากับรถดีเซล คือมีกำลังพอสมควร ไม่ดังเท่าดีเซล และก็ปล่อยมลพิษน้อยกว่าดีเซลด้วย ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง

ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ:

  • ใช้งานได้หลากหลาย: เหมาะกับทั้งงานในร่มและกลางแจ้ง
  • เสียงและมลพิษน้อยกว่าดีเซล: ทำให้ทำงานได้สบายขึ้น
  • คุ้มค่า: ค่าเชื้อเพลิงมักจะถูกกว่าน้ำมันเบนซิน และหาเติมได้ง่าย

ข้อควรพิจารณาคือเรื่องการจัดการถังก๊าซ LPG ที่ต้องมีการเปลี่ยนหรือเติมอยู่เสมอ และประสิทธิภาพอาจจะไม่เท่ารถดีเซลในงานที่หนักมากๆ ครับ

เทคโนโลยีแบตเตอรี่สำหรับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน: ประสิทธิภาพและความทนทาน

ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าก็เช่นกันครับ หนึ่งในเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ คือ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ที่เข้ามาเปลี่ยนมุมมองการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าไปเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับแบตเตอรี่แบบเก่าๆ แล้ว เจ้าลิเธียมไอออนนี่มีอะไรที่น่าสนใจกว่าเยอะเลยนะ

ข้อดีของการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าสมัยใหม่:

  • ความจุสูง ใช้งานได้นาน: แบตเตอรี่ประเภทนี้เก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่แบบเดิมๆ ทำให้รถโฟล์คลิฟท์ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้น ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ ให้เสียเวลา
  • ประสิทธิภาพดีเยี่ยม: การส่งและรับพลังงานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทำได้ดีมาก ทำให้รถเคลื่อนที่ได้เร็วและสูญเสียพลังงานน้อยลงระหว่างการทำงาน
  • อายุการใช้งานยาวนาน: ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื่อมสภาพเร็ว แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทนทานกว่า ใช้งานได้หลายรอบโดยที่ความจุลดลงน้อยมาก ทำให้คุ้มค่าในระยะยาว
  • ปลอดภัยสูง: มีระบบควบคุมอุณหภูมิและระบบป้องกันต่างๆ ที่ช่วยให้การใช้งานปลอดภัยตามมาตรฐาน

การเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่แบบดั้งเดิม

ถ้าจะให้เห็นภาพชัดๆ ลองดูตารางเปรียบเทียบนี้ครับ:

คุณสมบัติแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด (แบบดั้งเดิม)
อายุการใช้งานยาวนานกว่า (สูงสุด 4 เท่า)สั้นกว่า
ประสิทธิภาพการชาร์จเร็วและสะดวกช้ากว่า
การบำรุงรักษาน้อยมากต้องดูแลสม่ำเสมอ
น้ำหนักเบากว่าหนักกว่า
ต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่าต่ำกว่า
ต้นทุนรวมตลอดอายุใช้งานต่ำกว่าสูงกว่า

การเปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงกว่า แต่เมื่อพิจารณาถึงอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ประสิทธิภาพที่ดีกว่า และการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า ทำให้ต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งานนั้นคุ้มค่ากว่าแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัดครับ

รุ่นรถโฟล์คลิฟท์ที่แนะนำสำหรับคลังสินค้า

การเลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช่สำหรับคลังสินค้าของคุณเป็นเรื่องสำคัญมากครับ มันไม่ใช่แค่การเลือกเครื่องจักรมาใช้งาน แต่เป็นการลงทุนที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมเลยทีเดียว ในตลาดตอนนี้มีรถโฟล์คลิฟท์หลายรุ่น หลายยี่ห้อให้เลือก ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นต่างกันไป วันนี้เราจะมาดูรุ่นที่น่าสนใจและเหมาะกับคลังสินค้าขนาดใหญ่กันครับ

รถ Reach Truck (ยืนขับ)

สำหรับคลังสินค้าที่เน้นการจัดเก็บสินค้าในที่สูงและต้องการความคล่องตัวสูง รถ Reach Truck แบบยืนขับถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อการทำงานในทางเดินแคบๆ โดยเฉพาะ ทำให้คุณสามารถใช้พื้นที่คลังสินค้าได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

  • ความสามารถในการยกสูง: เหมาะสำหรับคลังสินค้าที่มีชั้นวางสูงมากๆ
  • ความคล่องตัว: สามารถเลี้ยวและเข้าออกทางเดินแคบๆ ได้ดีเยี่ยม
  • การมองเห็น: ผู้ขับขี่ที่อยู่ในตำแหน่งยืน ทำให้มองเห็นสินค้าและสภาพแวดล้อมได้ดี

รถ Reach Truck (นั่งขับ)

ถ้าคลังสินค้าของคุณมีพื้นที่กว้างขึ้นมาหน่อย หรือพนักงานต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ การเลือกรถ Reach Truck แบบนั่งขับก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ การนั่งขับจะช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ปฏิบัติงาน ทำให้ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้น

  • ความสบายของผู้ขับขี่: เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้เวลานาน
  • การควบคุมที่มั่นคง: ให้ความรู้สึกมั่นคงในการขับขี่
  • ประสิทธิภาพการทำงาน: ยังคงความสามารถในการยกสูงและทำงานในทางเดินที่ค่อนข้างแคบได้ดี

รถ Reach Truck รุ่น ULS/UND/UMS/UHD/UHX

กลุ่มรถ Reach Truck รุ่นนี้มีความหลากหลายมากครับ ตั้งแต่รุ่นที่เน้นความกะทัดรัดไปจนถึงรุ่นที่รองรับการยกของหนักและสูงเป็นพิเศษ การเลือกรุ่นย่อยในกลุ่มนี้ต้องพิจารณาจากลักษณะงานจริงเป็นหลัก เช่น:

  • ULS/UND: เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ต้องการความคล่องตัวและราคาที่เข้าถึงง่าย
  • UMS/UHD: สำหรับงานที่ต้องการสมรรถนะสูงขึ้น รองรับน้ำหนักและยกได้สูงขึ้น
  • UHX: รุ่นท็อปที่ออกแบบมาเพื่องานที่ท้าทายที่สุด รองรับการยกน้ำหนักมากเป็นพิเศษและทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความทนทานสูง

การเลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะสมกับงาน จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ลดความเสียหายของสินค้า และที่สำคัญที่สุดคือช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานในคลังสินค้าของคุณครับ

สรุปส่งท้าย: เลือกรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับคลังสินค้าของคุณ

สรุปแล้ว การเลือกรถโฟล์คลิฟท์สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ มันมีหลายอย่างที่ต้องคิด ทั้งเรื่องน้ำหนักที่จะยก ความสูงของชั้นวาง ไปจนถึงสภาพแวดล้อมการทำงาน รถรุ่นเก่าอาจจะยังพอใช้ได้ แต่รุ่นใหม่ๆ นี่เขาพัฒนาไปเยอะจริงๆ ทั้งเรื่องความประหยัดพลังงาน ความปลอดภัย หรือแม้แต่การควบคุมที่ง่ายขึ้น ถ้าคลังสินค้าของคุณมีพื้นที่จำกัดมากๆ รถ Reach Truck อาจจะเป็นคำตอบที่ดี หรือถ้าเน้นงานหนักๆ รถดีเซลก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้อะไรที่เงียบ สะอาด และดูแลรักษาง่าย รถไฟฟ้าก็มาแรงไม่แพ้กัน สุดท้ายแล้ว การเลือกที่ใช่ที่สุดก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละที่แหละครับ ลองพิจารณาดูดีๆ แล้วกันนะ

คำถามที่พบบ่อย

รถ Reach Truck กับรถโฟล์คลิฟท์ธรรมดาต่างกันยังไง?

รถ Reach Truck จะมีขนาดเล็กกว่าและคล่องตัวกว่า เหมาะกับที่แคบๆ ส่วนรถโฟล์คลิฟท์ธรรมดา (Counter Balance) จะใหญ่กว่า ยกของหนักได้เยอะกว่า แต่ก็ต้องการพื้นที่มากกว่าในการทำงาน

รถโฟล์คลิฟท์แบบไหนเหมาะกับคลังสินค้าที่ของเยอะๆ?

ถ้าคลังสินค้าของคุณมีทางเดินแคบๆ และต้องการยกของขึ้นที่สูงมากๆ รถ Reach Truck จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เพราะมันออกแบบมาให้เข้าถึงที่แคบได้ง่ายและยกของได้สูง แต่ถ้าพื้นที่กว้างและของหนักมาก รถโฟล์คลิฟท์แบบ Counter Balance อาจจะเหมาะกว่า

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ากับดีเซล อันไหนดีกว่ากัน?

รถไฟฟ้าจะเงียบกว่า ไม่ปล่อยควัน เหมาะกับที่ในร่มอย่างคลังสินค้า ส่วนรถดีเซลจะทนทานกว่า แรงเยอะกว่า เหมาะกับงานกลางแจ้งหรืองานหนักๆ ครับ

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนดีกว่าแบตเตอรี่แบบเก่าจริงเหรอ?

ใช่ครับ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะเก็บไฟได้นานกว่า ชาร์จเร็ว ชาร์จได้บ่อยๆ และอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตเตอรี่แบบเก่า ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้เยอะเลย

ถ้าจะเลือกรถโฟล์คลิฟท์ ต้องดูอะไรบ้าง?

ต้องดูว่าของที่จะยกหนักแค่ไหน สูงเท่าไหร่ พื้นที่ทำงานเป็นแบบไหน (ในร่ม กลางแจ้ง ทางแคบ ทางกว้าง) แล้วก็ดูเรื่องความปลอดภัยและงบประมาณด้วยครับ

รถโฟล์คลิฟท์ LPG ดีไหม?

รถ LPG ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ ราคาเชื้อเพลิงไม่แพงมากนัก ทำงานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง เสียงไม่ดังเท่าดีเซล แต่ก็ต้องคอยเติมแก๊สบ่อยหน่อยครับ

Scroll to Top