Bangkok Forklift Center Co., Ltd. (BFC)

บริษัท บางกอกฟอร์คลิฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด (BFC)

ขาย เช่า ซื้อ ซ่อมบำรุง ดูแล รถโฟล์คลิฟท์ ครบวงจร ติดต่อเรา

ขาย เช่า ซื้อ ซ่อมบำรุง ดูแล รถโฟล์คลิฟท์ ครบวงจร ติดต่อเรา

ก่อตั้ง พ.ศ. 2527

วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง

วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง
วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง

การดูแลรักษารถยกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอเป็นเรื่องสำคัญมากครับ โดยเฉพาะระบบไฮดรอลิก ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำงานของรถยก การตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราทราบถึงสภาพของระบบ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ บทความนี้จะพาไปดูวิธีตรวจเช็คน้ำมันไฮดรอลิกในรถยกอย่างถูกต้อง เพื่อให้รถของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยครับ

สาระสำคัญ

  • การตรวจเช็คน้ำมันไฮดรอลิกในรถยกควรเริ่มจากการเตรียมเครื่องมือและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
  • สภาพที่ดีของน้ำมันไฮดรอลิกสังเกตได้จากสี ความใส กลิ่น และความหนืดที่เหมาะสมกับการใช้งาน
  • การตรวจระดับน้ำมันไฮดรอลิกต้องทำอย่างแม่นยำในตำแหน่งที่ถูกต้องและช่วงเวลาที่เหมาะสม
  • การปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิก เช่น เศษโลหะหรือน้ำ สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกและทำการทดสอบเบื้องต้นได้
  • การตรวจสอบการรั่วซึมตามจุดเชื่อมต่อและสภาพซีล รวมถึงการเลือกเกรดน้ำมันที่ถูกต้องและการเปลี่ยนถ่ายตามรอบเป็นสิ่งจำเป็น

การเตรียมความพร้อมก่อนตรวจเช็คในพื้นที่ทำงาน

วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง
วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง

ก่อนจะเปิดฝาถังหรือแตะต้องระบบไฮดรอลิกของรถยก สิ่งที่ต้องทำก่อนคือเตรียมพื้นที่ คน และเครื่องมือให้พร้อม เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกหลุดเข้าไปในระบบหรือเกิดอุบัติเหตุโดยไม่ตั้งใจ การเตรียมพื้นที่และอุปกรณ์ให้สะอาดก่อนเปิดระบบ คือวิธีลดความเสียหายและอุบัติเหตุได้มากที่สุด

อย่าคิดว่า “เปิดดูแป๊บเดียว” แล้วปล่อยผ่าน ความรีบมักพาให้หลุดขั้นตอนเล็กๆ ที่ทำให้ต้องซ่อมใหญ่ทีหลัง

เครื่องมือพื้นฐานสำหรับงานตรวจสอบ

  • ผ้าสะอาดไม่เป็นขุย, กระดาษทิชชูอุตสาหกรรม และแผ่นซับน้ำมัน (ดูดซับหยดน้ำมันไฮดรอลิกรถยกและเช็ดรอยสกปรกก่อนเปิดฝา)
  • ไฟฉายหรือโคมพกพา (ส่องดูสี ความใส คราบตะกอนบริเวณปากถัง/กระปุก)
  • กรวยกรองละเอียดและภาชนะสะอาดมีฝาปิด (รองรับและเทกลับโดยไม่ปนเปื้อน)
  • ขวดตัวอย่างแบบใสพร้อมสติ๊กเกอร์จดบันทึก (เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจภาคสนามหรือส่งห้องแล็บ)
  • แม่เหล็กชิ้นเล็กสะอาด (เช็คผงโลหะในตะกอน)
  • เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด/ปากกาเทอร์โม (ดูอุณหภูมิน้ำมันไฮดรอลิกรถยกขณะตรวจ)
  • PPE: ถุงมือไนไตร แว่นตานิรภัย รองเท้านิรภัย หน้ากากอนามัยเมื่อทำในที่ฝุ่นมาก
  • ชุดอุดรอยหกรั่วไหลและผงดูดซับ (spill kit)
  • การ์ด/ป้ายแขวน LOTO (ล็อกกุญแจ/ตัดไฟกรณีต้องทำกับท่อแรงดัน)
  • การ์ดแข็งสีขาวหรือจานเพเทรี (สังเกตสีและความใสของหยดน้ำมัน)
  • เครื่องมืออ่านระดับ เช่น ดิปสติ๊ก ของถังหรือเกจระดับแบบใสของผู้ผลิต

ตารางสรุปเครื่องมือและการใช้งาน

เครื่องมือใช้ทำอะไร
ผ้าไม่เป็นขุย/แผ่นซับเช็ดบริเวณฝาถังและซับน้ำมันที่หก
ขวดตัวอย่างใสเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจสี กลิ่น ตะกอน
แม่เหล็กเล็กตรวจเศษผงโลหะจากการสึกหรอ
เทอร์โมมิเตอร์เช็คอุณหภูมิน้ำมันก่อนประเมินความหนืด
กรวยกรองละเอียดลดการปนเปื้อนขณะเติม/เทกลับ

ขั้นตอนความปลอดภัยขณะทำงานกับแรงดัน

  1. จอดรถยกบนพื้นเรียบ ลดงาลงสุด ใส่เกียร์ว่าง ดึงเบรกมือ และกั้นพื้นที่ทำงาน
  2. ปิดเครื่องและถอดกุญแจ (รถไฟฟ้าควรถอดขั้วแบตเตอรี่ตามคู่มือ) รอให้น้ำมันนิ่งก่อน 5–10 นาที
  3. คลายแรงดันค้าง: ขณะเครื่องดับ ลองโยกคันควบคุมยก/เอียงช้าๆ ให้แรงดันตก
  4. ตรวจรอบฝาถังและข้อต่อว่ามีสิ่งสกปรก ตะกรัน หรือฝุ่นเกาะ ใช้ผ้าไม่เป็นขุยเช็ดให้สะอาดก่อนเปิดเสมอ
  5. สวม PPE ให้ครบ โดยเฉพาะแว่นตาและถุงมือไนไตร หลีกเลี่ยงผ้าเช็ดมือที่เป็นขุย
  6. ห้ามยืนแนวเดียวกับจุดต่อแรงดันเมื่อคลายข้อต่อ หรือเปิดปลั๊กเติมน้ำมัน
  7. หลีกเลี่ยงเปลวไฟและประกายไฟ ใช้พัดลมระบายอากาศเมื่อทำงานในที่อับอากาศ
  8. เตรียมชุดอุดรอยหกรั่วไว้ข้างตัว หากมีการหก ให้กั้นพื้นที่ทันทีและทำความสะอาดหลังจบงาน

แนวทางย่อเพื่อความปลอดภัย

  • ทำตามคู่มือผู้ผลิตของรุ่นรถยกนั้นๆ หากข้อกำหนดต่างจากแนวทางทั่วไป ให้ยึดคู่มือเป็นหลัก
  • หากต้องเปิดระบบท่อหรือกรองแรงดัน ให้ทำ LOTO และปลดแรงดันทุกครั้ง
  • ห้ามเปิดฝาถังขณะระบบยังทำงานหรืออุณหภูมิสูงผิดปกติ

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการตรวจน้ำมัน

  • พื้นที่สะอาด ปลอดฝุ่น ลมไม่ปะทะแรง ลดโอกาสฝุ่นหล่นเข้าถัง
  • แสงสว่างพอ (มองเห็นสีและความใสของหยดน้ำมันได้ชัด) มีพื้นวางอุปกรณ์ที่สะอาด
  • อุณหภูมิกลางๆ ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัด เพื่ออ่านระดับและสังเกตความหนืดได้ใกล้เคียงการใช้งานจริง
  • พื้นเรียบ ไม่เอียง เพื่ออ่านระดับได้แม่นยำ

ข้อแนะนำค่ากำกับสภาพแวดล้อม (ปรับตามหน้างานได้)

ปัจจัยช่วงที่แนะนำ
อุณหภูมิพื้นที่ตรวจ20–35°C
ความสว่าง≥ 500 ลักซ์ หรือเทียบเท่าแสงสำนักงานสว่าง
ความเอียงของพื้น< 1°
ความสะอาดพื้นโต๊ะทำงานปราศจากฝุ่น/ผง/เศษโลหะก่อนเริ่มตรวจ

สรุปสั้นๆ: เตรียมเครื่องมือครบ สวมอุปกรณ์ป้องกัน คลายแรงดันค้าง และทำในพื้นที่สะอาดสว่างพอ แค่นี้การตรวจน้ำมันไฮดรอลิกก็แม่นขึ้นและเปื้อนน้อยลงมากครับ/ค่ะ

เกณฑ์สภาพดีของน้ำมันไฮดรอลิกรถยก

น้ำมันดีช่วยให้ระบบทำงานลื่น ไม่เสียแรง และยืดอายุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการยกและเอียงงาได้ยาวขึ้นในชีวิตจริงที่หน้างาน

น้ำมันไฮดรอลิกที่ดีทำให้ยกได้ลื่น ลดการสึกหรอ และประหยัดงบซ่อม

เป้าหมายของการดูแลรถโฟล์คลิฟท์ คือคงสภาพน้ำมันให้สะอาด แห้ง ใส และมีค่า ความหนืด ตรงตามคู่มือผู้ผลิต

สีและความใสที่บ่งบอกคุณภาพ

สีกับความใสช่วยชี้สภาพน้ำมันได้ไวมาก ไม่ต้องใช้เครื่องมือเยอะก็พอจับทางได้

  • สีปกติ: เหลืองอำพันถึงใส มองทะลุได้ ไม่มีฝ้า ไม่มีฟองค้าง
  • สีคล้ำ/ดำ: บ่งบอกการเสื่อมจากความร้อนหรือออกซิเดชัน มักพาให้เกิดคราบยางเหนียวในวาล์ว
  • สีขุ่นหรือออกน้ำนม: มีน้ำปน เกิดอิมัลชัน เสี่ยงสนิมและแรงดันตก
  • เงาวาวระยิบ: อาจมีเศษโลหะจากการสึกหรอ ตรวจไส้กรองและปั๊มเพิ่ม

วิธีสังเกตเร็วๆ ที่หน้างาน:

  1. ส่องไฟฉายในขวดตัวอย่าง ต้องเห็นใส ไม่ฟุ้งเป็นฝุ่นเม็ดเล็ก
  2. ปล่อยหยดบนกระดาษขาว วงแหวนควรสม่ำเสมอ ไม่แยกชั้นน้ำ
  3. เขย่าเบาๆ ฟองต้องหายเร็ว ไม่ค้างบนผิวนาน

กลิ่นและสัญญาณการเสื่อมสภาพ

จมูกช่วยได้มากกว่าที่คิด กลิ่นแปลกคือสัญญาณเตือนต้นทางของปัญหาใหญ่

  • กลิ่นไหม้: เคยเจออุณหภูมิสูง น่าจะมีการเสื่อมในสารเพิ่มคุณภาพ เปลี่ยนน้ำมันและเช็คระบบระบายความร้อนน้ำมัน
  • กลิ่นหืน/ยาง: มีคราบวาร์นิช เกาะวาล์วและสไลด์ ทำให้ตอบสนองช้า
  • กลิ่นเชื้อเพลิงหรือสารทำความสะอาด: เสี่ยงซีลบวมและการหล่อลื่นตก ตรวจหาที่มาของการปนเปื้อน

อาการที่มักโผล่มาคู่กัน:

  • ปั๊มดังหอน ยกกระตุก หรือการควบคุมหนืดผิดปกติ
  • วาล์วติดเหนียว เวลาใช้งานต่อเนื่องอาการหนักขึ้น
  • อุณหภูมิน้ำมันสูงผิดปกติ ทั้งๆ ที่โหลดงานเท่าเดิม

เคล็ดลับสั้นๆ: เปิดฝาเติมช้าๆ หลังดับเครื่องรอให้นิ่ง ลดโอกาสฟองอากาศ และเก็บตัวอย่างตอนเครื่องอุ่นจะอ่านสภาพได้ตรงกว่า

ความหนืดที่เหมาะกับการทำงาน

ความหนืดสัมพันธ์โดยตรงกับแรงยก การหล่อลื่น และอุณหภูมิทำงาน ถ้าบางเกินไป แรงดันรั่วไหลง่าย พอร้อนแล้วแรงยกตก แต่ถ้าข้นเกินไป ตอนเครื่องเย็นจะดูดไม่ทัน เสียงปั๊มดังและแขนยกช้า

ตารางเลือกเกรด (อ้างอิงการใช้งานทั่วไป ตรวจคู่มือผู้ผลิตเป็นหลัก)

อุณหภูมิแวดล้อมเกรดที่พบได้บ่อย (ISO VG)หมายเหตุการใช้งาน
ต่ำกว่า 0°CVG 32สตาร์ทง่าย ตอบสนองไวเมื่ออากาศหนาว
0–35°CVG 46โกดัง/สนามทั่วไป ใช้ได้กว้าง
สูงกว่า 35°C หรือภาระงานหนักVG 68รักษาฟิล์มหล่อลื่นตอนร้อน ลดแรงตก

สัญญาณว่าเกรดไม่เหมาะกับหน้างาน:

  • ช่วงเช้าเย็นจัด แขนยกหน่วง เสียงดูดอากาศในปั๊ม (หนืดเกิน)
  • ทำงานนานๆ แรงยกค่อยๆ ตก งายกค้างไม่อยู่ (น้ำมันบางเกินเมื่อร้อน)
  • เทอร์โมมิเตอร์ถังน้ำมันขึ้นเร็วผิดปกติ

แนวทางเลือกและใช้งานให้ยาวๆ:

  • เลือกน้ำมันชนิด AW (ลดการสึกหรอ) ที่มีสารต้านโฟม ต้านสนิม และแยกน้ำได้ดี
  • หากทำงานกลางแจ้งอุณหภูมิเหวี่ยง เลือกน้ำมันดัชนีความหนืดสูง (VI สูง)
  • เปลี่ยนไส้กรองตามชั่วโมงใช้งาน และเก็บตัวอย่างตรวจเชิงป้องกันระหว่างรอบเปลี่ยน

การดูแลรถโฟล์คลิฟท์ แบบสม่ำเสมอด้วยการดูสี กลิ่น และความหนืดของน้ำมัน จะช่วยลดเหตุเสียแบบไม่ทันตั้งตัว และวางแผนบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น

วิธีตรวจระดับน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างแม่นยำ

การอ่านระดับให้แม่น ไม่ได้ยากแต่ต้องมีขั้นตอนที่สม่ำเสมอ พื้นที่ต้องราบ อุปกรณ์พร้อม และอ่านตามสภาพอุณหภูมิของระบบ เพราะน้ำมันขยายตัวเมื่อร้อน

ตำแหน่งจุดวัดและภาชนะสำรอง

  • ตำแหน่งอ่านหลัก: กระจกดูระดับ (sight glass) ข้างถังน้ำมัน หรือก้านวัดระดับแบบ dipstick ที่คอถัง
  • จุดเปิดเติม: ฝาถังน้ำมันไฮดรอลิก มักมีตะแกรง/ช่องลม ตรวจให้สะอาดก่อนเปิดทุกครั้ง
  • ภาชนะสำรอง: ถาดหรือกระบอกสะอาดสำหรับเก็บตัวอย่าง/รองน้ำที่ล้น และกรวยกรองละเอียดสำหรับเติมกลับ
  • ผ้าไร้ขุย/สเปรย์ทำความสะอาด: เช็ดรอบฝาถังและบริเวณอ่านระดับก่อนตรวจเพื่อกันฝุ่นตกลงถัง
  • ขั้นตอนสั้นๆ
    1. จอดบนพื้นราบ ลดงาลงสุด ตั้งเสาตรง ไม่บรรทุกและดับเครื่อง
    2. ปลดแรงดันระบบโดยขยับก้านควบคุมให้เป็นกลาง 2–3 วินาที
    3. เช็ดจุดอ่านระดับให้ใส แล้วอ่านระดับจากกระจก/ก้านวัดตามขีดที่กำกับ (COLD/HOT)
    4. ถ้าต้องเติม ใช้น้ำมันเกรดเดียวกับที่ใช้อยู่ เติมทีละน้อยแล้วรอให้ระดับนิ่งก่อนอ่านซ้ำ
    5. บันทึกชั่วโมงการใช้งานและปริมาณที่เติมไว้ในสมุดบำรุงรักษา

ตรวจบนพื้นราบ งาลดต่ำสุด เครื่องดับ และปลดแรงดันก่อนอ่านระดับทุกครั้ง

เคล็ดลับ: ก่อนเปิดฝาถัง ให้เป่าลมหรือเช็ดฝุ่นรอบๆ เสมอ เศษผงเล็กๆ เข้าไปเพียงนิดเดียวก็เร่งการสึกของปั๊มและวาล์วได้

ช่วงเวลาที่ควรตรวจในแต่ละวัน

  • ก่อนเริ่มกะ: อ่านระดับแบบ “เย็น” เพื่อดูว่าพร้อมใช้งานหรือไม่
  • หลังงานยกหนักต่อเนื่อง: เช็กซ้ำเมื่อระบบอุ่น เพื่อดูแนวโน้มการลดลงผิดปกติ
  • หลังเติม/ซ่อมระบบไฮดรอลิก: ตรวจทันทีหลังอากาศไล่ออกและรอระดับนิ่ง
  • เมื่อมีอาการงายกช้า เสียงปั๊มเปลี่ยน หรือสังเกตเห็นคราบรั่ว
  • เวลารออ่าน: หลังหยุดใช้งานให้พักประมาณ 5–10 นาที เพื่อให้ฟองอากาศยุบและน้ำมันไหลกลับถัง

ความสูงของระดับที่ปลอดภัย

ตารางอ้างอิงสำหรับการอ่านระดับในสถานการณ์ทั่วไป (อาจต่างกันเล็กน้อยตามคู่มือรุ่นรถ):

สภาพระบบจุดอ่านระดับระดับที่แนะนำ
เย็น (ยังไม่ใช้งาน)ขีด COLD หรือกลางกระจกราว 40–60% ของหน้าต่างกระจก หรือต่ำกว่า MAX ประมาณ 5–10 มม.
ร้อน (ใช้งานมา 10–15 นาที)ขีด HOTใกล้ขีด HOT แต่ไม่เกิน MAX และต้องไม่ล้นฝาถัง
ไม่มีหน้าต่าง (ใช้ก้านวัด)ก้านวัดมีขีด LOW/HIGHระดับอยู่ระหว่าง LOW–HIGH ไม่แตะ HIGH เมื่อร้อน

ข้อควรทำเพิ่ม

  • ห้ามเติมเกิน เพราะเมื่อน้ำมันร้อนจะขยายตัวและล้น ทำให้ซีลและโอริงสึกเร็ว
  • ไม่ผสมเกรด/ยี่ห้อต่างกันโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องผสมให้เป็นชนิดเดียวกันและบันทึกไว้
  • เติมทีละ 100–200 มล. แล้วรอระดับนิ่งก่อนอ่านซ้ำ
  • หากต้องเติมบ่อย ให้ตรวจการรั่วซึมที่ท่อ ข้อต่อ ซีล กระบอกยก และฝาถัง

หมายเหตุ: ให้ยึดค่าตามคู่มือรุ่นรถยกเป็นหลัก หากคู่มือกำหนดท่าทางเสา/งาในการอ่านระดับเฉพาะ ให้ทำตามนั้นเสมอ

การตรวจปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกรถยก

วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง
วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง

การปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกทำให้วาล์วค้าง ปั๊มสึก และแรงดันตกแบบงงๆ ตรวจบ่อยๆ ใช้เวลาไม่นาน แต่ช่วยลดงานเสียและหยุดเครื่องได้มาก การปนเปื้อนเล็กน้อยวันนี้อาจกลายเป็นค่าซ่อมใหญ่พรุ่งนี้.

เลือกเก็บตัวอย่างจากระดับกลางถัง ไม่ใช่ปากถังหรือก้นถัง เพื่ออ่านค่าที่ใกล้เคียงจริงที่สุด

การพบคราบตะกอนและเศษโลหะ

  • เปิดฝาถังและส่องด้วยไฟฉาย เขย่าท่อหรือสายเล็กน้อยแล้วดูว่ามีผงแววๆ หรือคราบดำหนืดลอย/ตกตะกอนหรือไม่
  • ใช้แม่เหล็กหุ้มถุงพลาสติกแตะก้นภาชนะตัวอย่าง ดึงขึ้นดูว่าเกาะผงเหล็กหรือเศษโลหะหรือไม่ (ดึงถุงออกทิ้ง ง่ายต่อการสังเกต)
  • หยดน้ำมันผ่านกระดาษกรองหรือผ้าขาวสะอาด หากทิ้งคราบทราย เม็ดแกร่ง หรือผงสีทองแดง อาจมีการสึกในบูช/แบริ่ง
  • เปิดไส้กรองเก่าผ่าดูจีบกระดาษ ถ้ามีผงโลหะหนาแน่น แสดงว่าการสึกกำลังเกิดแบบต่อเนื่อง

ตารางอ่านค่าคร่าวๆ จากลักษณะสิ่งปนเปื้อน

สิ่งที่เห็น/จับต้องได้ความหมายที่เป็นไปได้วิธีจัดการทันที
ผงสีเทาเข้มติดแม่เหล็กการสึกของเฟืองปั๊ม/มอเตอร์เปลี่ยนน้ำมัน+ไส้กรอง ตรวจแบ็กแลชปั๊ม
เศษแววสีทอง/ทองแดงบูชบรอนซ์หรือวาล์วสวมเก็บตัวอย่างส่งแลบ ตรวจคลีย์รันซ์ และวางแผนโอเวอร์ฮอล
คราบดำข้น ไม่มีประกายออกซิเดชัน/ตะกอน additiveเปลี่ยนถ่าย ล้างถัง ทำความสะอาดไส้กรองดูดกลับ
เม็ดทราย/ฝุ่นหยาบการกรองไม่ดี/ช่องลมหายใจสกปรกตรวจซีลฝาถัง ซีลแกน ตรวจกรองให้ละเอียดขึ้น

สัญญาณน้ำปนในระบบไฮดรอลิก

  • สีขุ่นน้ำนม เกิดจากน้ำจับตัวกับน้ำมันเป็น อิมัลชัน ระบบจะตอบสนองช้าและเกิดฟองง่าย
  • หยดบนแผ่นโลหะอุ่นแล้วมีเสียงแตกปะทุ แปลว่ามีน้ำอิสระเจือปนพอสมควร
  • จุดสนิมที่ผนังถัง/ฝาปิด ไส้กรองขึ้นสนิม หรือมีหยดน้ำแยกชั้นที่ก้นขวดตัวอย่าง
  • ปั๊มมีเสียงดังขึ้นช่วงเริ่มงานตอนเช้า แล้วค่อยเงียบเมื่อน้ำมันอุ่น นี่มักมาจากน้ำรวมตัวกับอากาศ

แนวทางแก้แบบเร็ว

  • ระบายก้นถังทิ้งส่วนล่าง 100–200 มล. หลังจอดข้ามคืน เพื่อไล่น้ำที่ตกชั้น
  • เปลี่ยนไส้กรอง และตรวจช่องลมหายใจถัง (breather) ถ้ามีกลิ่นชื้นหรืออุดตันให้เปลี่ยนใหม่
  • ตรวจจุดที่น้ำอาจเข้าระบบ: ซีลกระบอกที่โดนน้ำล้างแรงดันสูง ฝาถังที่ปะเก็นชำรุด ท่อดูดที่แคล้มป์หลวม

แนวทางทดสอบภาคสนามแบบง่าย

  1. ขวดใสทดสอบ (jar test)
  • อุปกรณ์: ขวดแก้ว/พีอีทีใสสะอาด ฝาปิดแน่น
  • วิธี: ตักจากระดับกลางถัง ปิดฝา เขย่าเบาๆ พัก 10–30 นาที สังเกตการแยกชั้น ตะกอน และประกายผงโลหะเมื่อส่องไฟฉาย
  • อ่านค่า: มีชั้นใสกว่าที่ก้น/ฟองถาวร/ตะกอนมาก ควรเปลี่ยนถ่ายและล้างถัง
  1. คราเคิลเทสต์ บนแผ่นโลหะอุ่น
  • อุปกรณ์: แผ่นเหล็ก/หัวแร้งแท่นวาง, ถุงมือ, แว่นตา
  • วิธี: อุ่นพื้นโลหะให้ร้อนปานกลาง หยดน้ำมัน 1 หยด ถ้ามีเสียงแตกหรือกระเด็น แสดงว่ามีน้ำ
  • หมายเหตุ: ทำในที่โล่ง ระวังไอระเหยและการกระเด็น
  1. บลอตเตอร์เทสต์ (หยดบนกระดาษ)
  • อุปกรณ์: กระดาษขาวไม่เคลือบ
  • วิธี: หยดน้ำมัน 1–2 หยด รอ 15 นาที วงชั้นนอกใสแบบน้ำ บวกกับจุดกลางขุ่นเข้ม แปลว่ามีน้ำหรือเขม่า/ตะกอน
  1. ทดสอบแม่เหล็กแบบกึ่งปริมาณ
  • อุปกรณ์: แม่เหล็กถาวรหุ้มถุง
  • วิธี: กวาดที่ก้นขวดตัวอย่าง 10 วินาที แล้วเทียบปริมาณผงที่ติด ถ้าติดหนาเป็นคราบ ควรหยุดใช้งานชั่วคราวและตรวจสาเหตุการสึก

เคล็ดลับการตัดสินใจ

  • ถ้ามีน้ำชัดเจนหรือผงโลหะเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน: เปลี่ยนถ่ายทันทีและเปิดไส้กรองตรวจภายใน
  • ถ้าอาการไม่ชัด แต่เริ่มขุ่นและมีฟอง: ใช้มาตรการแก้ปลายเหตุชั่วคราว (ระบายก้นถัง เปลี่ยนกรอง) แล้วนัดส่งตัวอย่างตรวจละเอียด
  • เก็บบันทึกภาพ-วิดีโอทุกครั้งที่ทดสอบ เทียบแนวโน้มจะช่วยตัดสินใจได้ไวขึ้น

การตรวจการรั่วซึมและจุดเชื่อมต่อระบบไฮดรอลิก

รอยรั่วเล็กน้อยทำให้แรงยกลด พื้นเลอะ และเสี่ยงทำให้ชิ้นส่วนพังเร็วขึ้น ตรวจให้เป็นขั้นตอน แล้วคุณจะเจอต้นตอไวขึ้นมากกว่าการส่องดูแบบผ่านๆ

ปิดเครื่อง ลดแรงดัน วางงาลงสุด ใส่ถุงมือ-แว่นตา และติดป้ายห้ามใช้งานชั่วคราวก่อนเริ่มทุกครั้ง ห้ามคลายน็อตหรือข้อต่อทุกชนิดขณะระบบยังมีแรงดัน

ตำแหน่งเสี่ยงการรั่วในสายท่อและข้อต่อ

  • สายท่อบริเวณโค้งแคบ ใต้แคลมป์ หรือตำแหน่งที่มีการเสียดสีจนยางสึก บวม แตก หรือมีรอยดันโป่ง
  • ข้อต่อที่ปั๊ม วาล์วบล็อก ตัวกรอง และทางออก-ทางเข้าถังน้ำมัน เกิดได้จากแรงบิดไม่ถึงสเปกหรือซีลเสื่อม
  • กระบอกยก/เอียง: ซีลแกนและซีลปากฝุ่น โดยเฉพาะแกนที่มีรอยสึกหรือคราบสนิมจะเริ่มซึมเป็นวง
  • ควิกคัปเปลอร์และปลายสายแบบเกลียว ลองเขย่าเบาๆ หากมีคลอนไหวมักเริ่มซึม
  • ซีลเพลาปั๊มและรูระบายซีลของปั๊ม พบคราบใหม่ๆ ใต้ตัวปั๊มมักชี้ไปที่ซีลเพลารั่ว
  • เกจระดับ/ท่อใสกลับถัง ฝาเติม-ฝาระบายอากาศ (breather) ที่อุดตันจะดันน้ำมันซึมออกตามจุดอ่อน

แนวทางทำความสะอาดเพื่อหาจุดรั่ว

  1. ลดแรงดันให้หมด ใช้น้ำยาล้างคราบน้ำมันชนิดระเหยเร็วกับผ้าไม่เป็นขุย เช็ดให้แห้งสนิททีละโซน
  2. โรยแป้งทัลคัมบางๆ หรือใช้สเปรย์ตรวจรั่ว จากนั้นสตาร์ทและขยับระบบช่วงสั้นๆ เพื่อให้รอยรั่วสร้างรอยทางใหม่
  3. ทำเครื่องหมายตำแหน่งที่เริ่มชื้นก่อนเสมอ แล้วค่อยไล่ไปถึงแหล่งกำเนิดจริง (เหนือจุดหยดมักเป็นต้นเหตุ)
  4. ตรวจแรงบิดน็อต/คัปปลิ้งตามคู่มือ อย่าขันเกิน หากรั่วที่เกลียว ใช้เธรดซีลแลนต์ที่เข้ากันกับน้ำมันไฮดรอลิก
  5. จัดระยะสายให้พ้นการเสียดสี เพิ่มปลอกกันสึก และแก้ไขรัศมีโค้งให้กว้างขึ้น
  6. เก็บกากน้ำมันและเช็ดพื้นทันที ลดโอกาสลื่นล้มและไม่ให้คราบใหม่มาปนการตรวจครั้งถัดไป

การประเมินความเสียหายของซีลและโอริง

  • แกนกระบอก: หากมีรอยขีด คราบสนิม หรือผิวด้าน จะกินซีลเร็ว เปลี่ยนซีลแกนและแก้สภาพผิวแกน (ขัด/ชุบ) หรือเปลี่ยนแกนเมื่อรอยลึก
  • ซีลริมฝีปากแข็งตัว บวม หรือขอบแบน เกิดจากความร้อนหรือน้ำปน แนะนำเปลี่ยนทั้งชุดพร้อมตรวจอุณหภูมิการทำงานและระบายความร้อน
  • โอริง ที่แบน แตก หรือโดนเฉือน มักมาจากประกอบผิด ทาจาระบีไม่พอ หรือเลือกวัสดุไม่ตรงงาน เลือกขนาด/วัสดุ (เช่น NBR, FKM) ให้ตรงกับอุณหภูมิและชนิดน้ำมัน
  • บูชนำแกนและไกด์ริงหลวม ทำให้แกนแกว่ง ซีลเสียเร็ว ตรวจระยะคลอนและเปลี่ยนคู่กัน
  • ซีลเพลาปั๊ม: มีคราบออกที่รูระบายซีล ถือว่าเสียแล้ว ควรเปลี่ยนทันทีและเช็คแนวศูนย์ของเพลา

ตารางสรุประดับการรั่วและการตัดสินใจแบบเร็ว

ระดับการรั่วอาการที่เห็นใช้งานต่อชั่วคราวการจัดการ
ซึมเป็นฟิล์มผิวชื้น ไม่มีหยดตกได้ แต่เฝ้าดูใกล้ชิดทำความสะอาด ตรวจแรงบิด และนัดเปลี่ยนซีลเร็วๆ
หยดเป็นเม็ดมีหยดตกพื้นเป็นช่วงๆไม่แนะนำหยุดใช้งาน หาจุดและเปลี่ยนซีล/โอริง ปรับตั้งท่อ
พ่น/ทะลักเป็นเส้นสเปรย์หรือไหลแรงห้ามดับเครื่องทันที แก้ไขก่อนใช้งาน

เคล็ดลับเล็กๆ: หลังล้างและทดสอบ ให้ถ่ายรูปจุดที่พบก่อน-หลังซ่อมไว้ เวลาเกิดซ้ำจะย้อนรอยได้เร็ว และคุยกับช่างง่ายขึ้นมาก.

การเลือกเกรดและการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันไฮดรอลิกรถยก

วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง
วิธีตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกรถยกอย่างถูกต้อง

บางวันรถยกทำงานเช้าในคลังเย็นๆ ตอนบ่ายออกลานร้อนจัด ระดับยกเปลี่ยนไปแบบจับได้เลย สาเหตุบ่อยครั้งคือเกรดน้ำมันไม่ตรงกับสภาพงาน เลือกให้เหมาะตั้งแต่แรก ประหยัดทั้งเวลา ทั้งค่าอะไหล่

เกณฑ์เลือกเกรดตามอุณหภูมิและภารงาน

การเลือกความหนืดอิงมาตรฐาน ISO VG และดูสภาพจริงที่รถต้องเจอ: อุณหภูมิเริ่มงาน-ระหว่างวัน, ความถี่การยก, น้ำหนักบรรทุก, และคู่มือผู้ผลิต (OEM) ที่ระบุชนิดสารเพิ่มคุณภาพ (AW/ashless) และความเข้ากันได้กับซีล

ตารางแนะนำเบื้องต้น (ใช้คู่กับสเปกของผู้ผลิต):

ช่วงอุณหภูมิแวดล้อม (°C)ความหนืดแนะนำประเภทน้ำมันหมายเหตุภารงาน
ต่ำกว่า -10 ถึง ~15VG 32HVLP (ดัชนี VI สูง)สตาร์ตเย็นบ่อย ลดอาการหนืดตอนเช้า
-5 ถึง 30VG 46HM หรือ HVLPใช้งานทั่วไปในคลัง/โรงงาน
20 ถึง 45+VG 68HM หรือ HVLPงานหนัก โหลดสูง ต่อเนื่อง
แปรผันกว้างทั้งวันVG 46/68HVLPคุมความหนืดเสถียรในช่วงอุณหภูมิแกว่ง

ข้อพิจารณาเสริม:

  • ปั๊มใบพัด/เฟืองส่วนมากต้องการน้ำมันชนิด AW (มีสารป้องกันการสึกหรอ)
  • งานที่ต้องคุมความสะอาดสูง หรือซีลทองแดง/ทองเหลือง บางกรณี OEM แนะนำแบบ ashless
  • จุดเสี่ยงไฟ เลือกชนิดทนไฟ (เช่น HFDU) ตามข้อกำหนดความปลอดภัยของไซต์งาน

ถ้ารถต้องออกงานนอกอาคารตอนบ่าย แต่จอดในคลังเย็นตอนเช้า เลือก HVLP จะช่วยให้แรงยกและการตอบสนองคงที่ขึ้น

ขั้นตอนเปลี่ยนถ่ายที่ลดการปนเปื้อน

  1. อุ่นระบบให้ถึงอุณหภูมิทำงานสัก 5–10 นาที น้ำมันไหลง่าย ตะกอนเคลื่อนตัวออก
  2. จอดพื้นราบ ลดงาลงสุด ปลดแรงดันทุกวงจร ปิดสวิตช์หลัก และล็อกความปลอดภัย
  3. เช็ดฝาเติม/คอถัง บริเวณพอร์ตและข้อต่อด้วยผ้าไร้ขุยก่อนถอด
  4. เก็บตัวอย่างน้ำมันก่อนระบาย ใส่ขวดสะอาด เผื่อส่งตรวจภายหลัง
  5. เปิดจุกระบายให้หมด ตรวจแม่เหล็ก/เศษตะกอน กวาดทำความสะอาดถังด้านใน (หลีกเลี่ยงผงขัด)
  6. เปลี่ยนไส้กรองกลับทาง/ดูด (return/suction) และตัวกรองระบายอากาศถัง ถ้าเป็นไปได้เติมไส้กรองด้วยน้ำมันใหม่ที่กรองแล้ว
  7. เติมน้ำมันใหม่ผ่านกรวยมีตาข่ายหรือปั๊มถ่ายแบบปิด ใช้น้ำมันจากถังที่ปิดสนิทและจารึกล็อตชัดเจน
  8. สตาร์ต เดินเบา ไล่อากาศ: ยก-เอียงช้าๆ หลายรอบ ตรวจฟองในถังและเสียงปั๊ม
  9. ตรวจการรั่วซึมทุกจุด ขันรัดที่หลวม ปรับระดับน้ำมันให้อยู่ในขีดที่กำหนดเมื่อระบบนิ่ง
  10. ติดป้ายวันที่/ชั่วโมงที่เปลี่ยน และบันทึกล็อตน้ำมัน/ไส้กรอง
  • เคล็ดลัด: ใช้เครื่องกรองแบบบายพาส 3–5 ไมครอนฟอกน้ำมันใหม่ก่อนเข้าระบบ จะช่วยลดฝุ่นเริ่มต้นได้มาก
  • ความผิดพลาดที่พบบ่อย: เติมเกิน, ไม่เปลี่ยนไส้กรองพร้อมกัน, ใช้กรวยสกปรก, ไม่ลดงาลงก่อนตรวจระดับ

ห้ามผสมน้ำมันคนละเกรดหรือคนละชนิดในระบบเดียวกัน

การกำหนดรอบเปลี่ยนตามชั่วโมงใช้งาน

แนวทางกำหนดรอบแบบใช้งานได้จริง (ยึดคู่มือ OEM เป็นหลัก):

สภาพงานรอบเปลี่ยนน้ำมันรอบเปลี่ยนไส้กรองหมายเหตุ
คลังสะอาด ใช้งานปานกลางทุก 1,500–2,000 ชม. หรือ 12–18 เดือนทุก 750–1,000 ชม.ตรวจระดับ/สีรายเดือน
งานหนัก โหลดสูง กลางแจ้งร้อนทุก 800–1,200 ชม. หรือ 6–12 เดือนทุก 400–600 ชม.เฝ้าฟอง/เสียงปั๊ม
ฝุ่น/ชื้น/ละอองสารเคมีสูงทุก 500–800 ชม. หรือ 6–9 เดือนทุก 300–400 ชม.เปลี่ยนกรองหายใจถังบ่อยขึ้น
รถใหม่/หลังโอเวอร์ฮอลครั้งแรกที่ 250–500 ชม.พร้อมกันช่วยกำจัดเศษรันอิน
มีโปรแกรมตรวจวิเคราะห์น้ำมันตามผลวิเคราะห์ (อาจขยายถึง 2,500–3,000 ชม.)ตามความต่างความดันกรองยึดค่าฝุ่น น้ำ และกรดเป็นหลัก

ตัวชี้วัดที่ควรเปลี่ยนก่อนกำหนด:

  • สีคล้ำ ขุ่นเป็นน้ำนม หรือกลิ่นไหม้
  • ปั๊มมีเสียงหอน แรงยกลด การเคลื่อนที่กระตุก
  • ฟอง/อากาศในถังไม่ยุบ หรือมีคราบยางเหนียวในวาล์ว

คำแนะนำสั้นๆ:

  • ตรวจนับชั่วโมงใช้งานจริง อย่าพึ่งแต่ปฏิทิน
  • ถังเก็บน้ำมันสำรองควรปิดสนิท วางสูงพ้นพื้น เปลี่ยนตลับดูดความชื้นเป็นระยะ
  • บันทึกประวัติเปลี่ยนถ่ายทุกครั้ง จะช่วยจับอาการผิดปกติได้ตั้งแต่ต้น

สรุป: การดูแลรักษาระบบไฮดรอลิกให้รถยกทำงานได้ดี

การตรวจสอบและดูแลรักษาระบบน้ำมันไฮดรอลิกของรถยกอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญมากนะครับ มันไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยกให้ยาวนานขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การทำงานของเราปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย การสังเกตอาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจตามมาได้ หากไม่แน่ใจหรือไม่สะดวกในการตรวจสอบด้วยตัวเอง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ จำไว้ว่าการลงทุนกับการบำรุงรักษาที่ดี ย่อมดีกว่าการซ่อมแซมเมื่อเกิดความเสียหายแน่นอนครับ

Scroll to Top