การดูแลรักษาทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญมากครับ ไม่ใช่แค่ทำให้รถดูดีเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น แถมยังเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานด้วยนะ ลองนึกภาพดูว่าถ้าเราใช้รถที่สกปรก มีคราบน้ำมัน หรือมีฝุ่นเกาะเยอะๆ มันก็อาจจะทำให้การทำงานติดขัด หรือเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดได้ บทความนี้จะพาไปดูวิธีทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์แบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำตามได้ เพื่อให้รถคู่ใจของเราพร้อมใช้งานอยู่เสมอครับ
สาระสำคัญ
- การทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์อย่างถูกวิธีช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความปลอดภัย
- ต้องเตรียมพื้นที่และตัดแหล่งพลังงานก่อนเริ่มทำความสะอาดเสมอ
- เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ทำลายซีลและสายยางของรถ
- ทำความสะอาดจุดที่สำคัญ เช่น ห้องเครื่อง ระบบไฮดรอลิค และระบบไฟฟ้าอย่างใส่ใจ
- หมั่นตรวจสอบสภาพรถและทำความสะอาดตามตารางที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการทำงาน
หลักการทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์อย่างปลอดภัย
การล้างรถยกไม่ใช่แค่ฉีดน้ำแล้วจบ เพราะมีทั้งไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ และผิวลื่นเข้ามาเกี่ยว ถ้าจัดการพลาดทีเดียว งานเข้าได้เลย การเริ่มต้นด้วยขั้นตอนปลอดภัยคือหัวใจของ การดูแลรถโฟล์คลิฟท์ ที่ยืดอายุเครื่องและไม่ทำให้คนเจ็บตัว
ก่อนเริ่มทุกครั้ง ให้ตัดแหล่งพลังงานและทำให้รถอยู่ในสภาพนิ่งสนิท
เตรียมพื้นที่และตัดแหล่งพลังงาน
- จอดบนพื้นเรียบ ปรับงาแตะพื้น เสาตั้งตรง เข้าเกียร์ว่าง ดึงเบรกมือ และหนุนล้อทั้งสองด้าน
- ปิดสวิตช์ ดึงกุญแจออก รอให้เครื่องเย็นลงอย่างน้อย 10–15 นาที
- ตัดแหล่งพลังงานตามประเภทพลังงานของรถ (ดูตารางด้านล่าง) เมื่อจำเป็นให้ปลดขั้วแบตข้างลบก่อนงานที่มีน้ำแรงดัน/ฉีดลมในห้องเครื่อง
- ระบุจุดห้ามโดนน้ำแรงดัน เช่น กล่องฟิวส์ แผงคอนโทรล เซนเซอร์ และพอร์ตชาร์จ
- เตรียมถาดรองน้ำมัน/จาระบี และผ้าซับไว้ป้องกันไหลลงท่อระบายน้ำ
ประเภทพลังงาน | วิธีตัดแหล่งพลังงาน | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
ไฟฟ้า (แบตเตอรี่) | กดปุ่มฉุกเฉิน ถอดปลั๊กชาร์จ ปลดขั้วแบตข้างลบ | ห้ามฉีดน้ำเข้ากล่องคอนโทรล รอไฟตกค้าง ~5 นาที |
เครื่องยนต์ดีเซล/เบนซิน | ปิดกุญแจ ถอดกุญแจ ปลดขั้วแบตข้างลบ | หลีกเลี่ยงการล้างตอนเครื่องร้อน ระวังไดชาร์จ/กรองอากาศ |
ก๊าซ LPG | ปิดวาล์วถัง สตาร์ทให้ระบบกินก๊าซที่ค้างจนดับเอง แล้วถอดกุญแจ | ตรวจกลิ่นก๊าซ ห้ามประกายไฟใกล้พื้นที่ |
ปล่อยให้เครื่องเย็นก่อนล้าง ลดไอระเหยจากน้ำมันและลดโอกาสไฟไหม้แบบไม่ตั้งใจ
อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่ต้องใช้
- ถุงมือกันสารเคมีและกันบาด เลือกไซส์กระชับมือ
- แว่นครอบตา หรือเฟซชิลด์ เมื่อใช้ลม/น้ำแรงดันหรือน้ำยาเข้มข้น
- รองเท้านิรภัยพื้นกันลื่น และชุดแขนยาวปิดผิวหนัง
- หน้ากากกรองไอระเหย (เมื่อใช้ตัวทำละลาย) หรือหน้ากากกันฝุ่นเมื่อล้างในพื้นที่ฝุ่นมาก
- ที่อุดหู/ครอบหู หากใช้คอมเพรสเซอร์เสียงดัง
- อ่านฉลากและ SDS ของน้ำยาก่อนใช้ มีจุดล้างตาฉุกเฉินหรือขวดน้ำสะอาดใกล้ตัว
การปิดกั้นพื้นที่งานและป้ายเตือน
- กั้นเขตด้วยกรวย เทปกั้น และป้าย “กำลังทำงาน—ห้ามสตาร์ท” ที่พวงมาลัย/แบตเตอรี่ (ล็อก/แท็ก)
- ตั้งป้าย “พื้นเปียก” รอบพื้นที่ที่มีน้ำ/ฟองสบู่ไหล เพื่อกันลื่นล้ม
- จัดทางเดินสายยางและสายไฟให้ชิดขอบ ไม่ขวางทางเดิน ลดการสะดุด
- เปิดพัดลม/ระบบระบายอากาศให้ดี โดยเฉพาะเมื่อล้างในอาคารหรือใช้ตัวทำละลาย
- เก็บของติดไฟห่างจากจุดล้าง และงดสูบบุหรี่ตลอดช่วงทำงาน
- เตรียมผงดูดซับและถังขยะอันตรายสำหรับซับคราบน้ำมันแยกจากขยะทั่วไป
เครื่องมือและน้ำยาที่เหมาะสำหรับทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์
เลือกอุปกรณ์ให้ตรงงาน ช่วยให้ทำความสะอาดไวขึ้น แถมไม่ไปทำร้ายซีล สี และระบบไฟของรถยกที่บอบบางกว่าที่คิดเสียอีก. เช็ค SDS และทดสอบจุดเล็กก่อนลงทั้งคันเสมอ.
ประเภทน้ำยา | ใช้กับ | ข้อควรระวัง | วิธีใช้สั้นๆ |
---|---|---|---|
น้ำยาล้างคราบแบบ pH-neutral | ตัวถังทำสี ฝาครอบ พลาสติก | อย่าปล่อยทิ้งให้แห้งบนผิว | ฉีด-รอ 1–2 นาที-เช็ด/ล้างน้ำ |
ดีเกรียสเซอร์สูตรน้ำ (Water-based) | คราบน้ำมัน/จาระบี โครง เสา งา | อย่าแช่ซีล/สายยางนาน ล้างน้ำตาม | ฉีด-แปรงเบาๆ-ล้าง-เป่าให้แห้ง |
สเปรย์ทำความสะอาดคอนแทคไฟฟ้า (ไม่ทิ้งคราบ) | ปลั๊ก ขั้วไฟ กล่องคอนโทรล | ใช้ในที่อากาศถ่ายเท ห่างประกายไฟ | ฉีดจ่อสั้นๆ ให้ระเหยแห้งเอง |
สเปรย์ซิลิโคน/โพรเทคทีฟโค้ท | โลหะภายนอก หลังล้าง | ห้ามพ่นบนผ้าเบรก/ดิสก์ | พ่นบางๆ เช็ดเกลี่ยให้ฟิล์มบาง |
แว็กซ์กันสนิม/ซีลแลนท์โพลีเมอร์ | ผิวโลหะไม่เคลื่อนที่ ฝาครอบ | เว้นรางงา ลูกกลิ้ง จุดสัมผัสงาน | ลงบางๆ ปล่อยเซ็ต 10–20 นาที |
ทำความสะอาดเสร็จแล้ว เป่าไล่น้ำให้แห้งจริง ก่อนปิดฝาครอบหรือจอดเก็บ ลดโอกาสเกิดสนิมและไฟช็อตจากความชื้นค้าง
เลือกน้ำยาที่ไม่กัดกร่อนซีลและสายยาง
- ดูวัสดุซีล/ยางที่รถใช้บ่อย เช่น NBR, EPDM, Viton; น้ำมันปิโตรเลียมและตัวทำละลายแรงๆ มักทำให้ EPDM บวมและกรอบเร็ว
- เลือกน้ำยากลุ่มสูตรน้ำ ค่า pH 6–9 สำหรับงานทั่วไป คราบหนักค่อยเพิ่มเวลาพัก แต่ไม่ควรเกิน 5 นาทีบนยาง/โอริง
- เลี่ยงคลอรีเนตเบรกคลีนเนอร์กับอะลูมิเนียมและยาง เพราะกัดฟิล์มและทำให้ซีลแข็ง
- ขั้นตอนปลอดภัย: ฉีดน้ำยาให้ครอบคราบ-ใช้แปรงขนนุ่มขยี้-ล้างน้ำมากๆ-เป่าแห้งทันที เพื่อลดเวลาที่สารเคมีสัมผัสยาง
- อ่าน SDS/ฉลากเรื่องความเข้ากันได้กับยางและสีเสมอ ถ้าไม่ชัวร์ให้ทดสอบใต้ฝากระโปรงหรือมุมอับก่อน
แปรงและอุปกรณ์ฉีดลมสำหรับไล่ฝุ่น
- แปรงไนลอนขนนุ่ม: ใช้กับสีตัวถัง โลโก้ สติกเกอร์ ไม่ทำให้เกิดรอยขนแมว
- แปรงทองเหลืองขนอ่อน: ใช้ขอบสนิมเบาๆ บนเหล็กดิบ แต่หลีกเลี่ยงก้านลูกสูบกระบอกไฮดรอลิค
- แปรงด้ามยาว/ดีเทลบรัช: สอดร่องรางงา โซ่ และซอกมอเตอร์ที่เข้าถึงยาก
- ปืนลมพร้อมหัวลดเสียง/เซฟตี้โนซเซิล: สำหรับไล่ฝุ่นห้องเครื่องและครีบหม้อน้ำ ตั้งแรงดันราว 2–3 บาร์ในงานใกล้สายไฟ/คอนเนคเตอร์ และไม่เกิน 6 บาร์กับโครงภายนอก พร้อมเป่าห่าง 20–30 ซม.
- เป่าลมให้พุ่งออกจากพื้นที่ไฟฟ้า ไม่ย้อนเข้ากล่องคอนโทรล ป้องกันฝุ่นยัดคอนแทค
ผ้าไมโครไฟเบอร์และน้ำยาลงแว็กซ์กันสนิม
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ 300–400 GSM สำหรับเช็ดทำสีและพลาสติก ส่วนงานคราบมันใช้ 200–300 GSM แล้วซักแยกต่างหาก
- แยกสีผ้าตามงาน: สีหนึ่งสำหรับตัวถัง อีกสีสำหรับคราบน้ำมัน และอีกสีสำหรับกระจก ลดการปนเปื้อน
- เทคนิคพับ 8 ทบ: เปลี่ยนด้านสะอาดทุกครั้ง ลดการขูดผิว
- แว็กซ์กันสนิมแบบฟิล์มบางหรือโพลีเมอร์ซีลแลนท์ ลงหลังผิวแห้งสนิท เน้นพื้นผิวโลหะนิ่ง เช่น ฝาครอบ โครงด้านนอก เว้นบริเวณรางงา ลูกกลิ้ง ผ้าเบรก และดิสก์เบรก
- รอบการลงซ้ำ: โรงงานฝุ่น/ชื้นมาก 2–4 สัปดาห์ครั้ง ปกติ 6–8 สัปดาห์ครั้ง เพื่อคงฟิล์มป้องกัน
วิธีทำความสะอาดโครงรถ เสา และงาให้ปลอดคราบ
งานนี้ไม่ซับซ้อน แต่ต้องใจเย็นและเก็บรายละเอียด จุดเปื้อนเล็กๆ ตามโครงรถ เสา และงา ถ้าปล่อยไว้นานจะดื้อด้านขึ้นเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็กัดสี กัดซีลให้พังเร็ว
ถ้าพื้นที่ทำงานมีฝุ่นหรือทรายมาก ใช้ลมเป่าก่อนทุกครั้งแล้วค่อยลงน้ำยา จะช่วยลดรอยขนแมวบนผิวเหล็กได้เยอะ
ล้างคราบน้ำมันและจาระบีอย่างถูกจุด
- ตัดแหล่งพลังงาน ตั้งเบรกมือ แล้วรองรับงาบนแท่นไม้ให้มั่นคง
- ปิดคลุมจุดอ่อนไหว: ซีลกระบอก, ขั้วปลั๊ก, สวิตช์ลิมิต, ตลับลูกปืนที่เปิดโล่ง
- ปัดเศษฝุ่นและคราบหนาๆ ด้วยแปรงไนลอน จากนั้นฉีด ดีเกรสเซอร์ แบบเป็นมิตรต่อยางและซีลเฉพาะบริเวณที่เลอะ
- ใช้แปรงขนกลางๆ ขัดตามแนวรางและสันเหล็ก แล้วล้างด้วยน้ำแรงดันต่ำหรือผ้าเปียก บีบหมาด
- เช็ดให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ 2-3 รอบ เก็บซ้ำตรงมุมอับและใต้คอเสา
- เก็บกากน้ำยาและผ้าใช้แล้วลงถังของเสีย ไม่ปล่อยไหลลงท่อ
ตารางสรุปน้ำยากับจุดใช้งานอย่างย่อ:
ตำแหน่ง | น้ำยาที่แนะนำ | เวลากระตุ้น (นาที) | ข้อควรระวัง |
---|---|---|---|
โครงรถที่ทาสี | ดีเกรสเซอร์ pH อ่อน (7–10) | 2–5 | ทดสอบจุดเล็กก่อน เผื่อสีซีด |
เสา/รางมาสท์ | ดีเกรสเซอร์กลิ่นส้ม | 1–3 | หลีกเลี่ยงโดนซีลและลูกปืนโดยตรง |
งา (Fork) | อัลคาไลน์อ่อน | 2–4 | อย่าแช่นานหรือทิ้งคราบน้ำยา |
หลังล้างทุกครั้ง เช็ดให้แห้งก่อนหล่อลื่นเสมอ.
เช็ดรางงาและลูกกลิ้งเพื่อลดการสึก
- ลดชุดงาให้ต่ำสุด ปลดน้ำหนักทั้งหมด แล้วทำความสะอาดบริเวณรางคาร์ริเอจและเพลทด้านหลังงา
- ใช้ลมเป่าไล่ฝุ่นจากบนลงล่าง ตามด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำยาอเนกประสงค์ เช็ดตามแนวรางและขอบมุม
- หมุนลูกกลิ้งด้วยมือ ตรวจดูคราบเหนียว เศษโลหะ หรือรอยบิ่น ถ้ามี ให้เช็ดซ้ำด้วยผ้าชุบน้ำยาจนผิวลื่น
- ตรวจระยะคลอนแบบง่ายๆ: ขยับงาเข้า-ออกเบาๆ ถ้าคลอนมากผิดปกติ จดบันทึกไว้เพื่อนัดช่างตรวจเชิงลึก
- ปิดงานด้วยการเช็ดแห้งอีกครั้ง โดยเฉพาะใต้ร่องรางและด้านในเพลท ซึ่งชอบกักความชื้น
หล่อลื่นหลังทำความสะอาดตามคู่มือ
- เลือกชนิดให้ตรงจุด: รางเสาใช้สเปรย์หล่อลื่นแบบแห้ง (dry-film) หรือลิเทียมเกรดเบา โซ่ยกใช้น้ำมันใสตามสเปกคู่มือ งาและจุดสัมผัสใช้ฟิล์มบางๆ พอ
- หล่อลื่นน้อยแต่บ่อย ดีกว่าอัดหนาๆ เพราะคราบหนาเป็นกับดักฝุ่น ทำให้สึกเร็ว
- ฉีดหรือป้ายสารหล่อลื่นในทิศทางจากบนลงล่าง แล้วค่อยๆ เลื่อนเสาขึ้นลงสั้นๆ เพื่อให้สารกระจายตัว
- เช็ดส่วนเกินทันที ไม่ให้หยดลงพื้นหรือเลอะผ้าเบรกใกล้เคียง
- ปิดท้าย บันทึกวัน เวลา และชนิดสารหล่อลื่นที่ใช้ไว้ในสมุดบำรุงรักษา จะช่วยกำหนดรอบทำความสะอาดครั้งถัดไปได้ง่าย
ทำความสะอาดห้องเครื่องและระบบไฮดรอลิคอย่างถูกวิธี

การล้างห้องเครื่องและระบบไฮดรอลิคไม่ได้ยาก แต่ต้องใจเย็นและทำเป็นขั้นตอน เพราะชิ้นส่วนหลายจุดแพ้น้ำและสารเคมีบางชนิดมากกว่าที่คิด
อย่าใช้น้ำแรงดันสูงฉีดเข้าห้องเครื่องหรือกระบอกไฮดรอลิค
เป่าฝุ่นห้องเครื่องโดยไม่ทำให้สายไฟเสียหาย
ก่อนเริ่มงาน ปลดแหล่งพลังงานและปล่อยให้เครื่องเย็นลงเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ เป่าฝุ่นให้หลุดออก ไม่ไล่ฝุ่นเข้าไปลึกกว่าเดิม
ตารางค่าแนะนำในการเป่าฝุ่น
หัวข้อ | ค่าแนะนำ |
---|---|
แรงดันลม | 30–50 psi |
ระยะหัวเป่ากับสายไฟ | ≥ 10 ซม. |
มุมเป่า | 30–45 องศาจากพื้นผิว |
ขั้นตอนแบบสั้นๆ:
- คลุมปลั๊กคอนเนคเตอร์ เซนเซอร์ และกล่องฟิวส์ด้วยถุงพลาสติกชั่วคราว
- ใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นหนาๆ ออกก่อน แล้วค่อยเป่าลม ไล่จากบนลงล่าง
- เว้นหัวฉีดให้ห่างสายไฟ ฉนวน และบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ อย่าเป่าจี้ใกล้ๆ
- หลีกเลี่ยงการเป่าลงตลับลูกปืนและพัดลมโดยตรง เพราะดันฝุ่นเข้าไปลึก
- จบงานด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาดๆ เช็ดคราบฝุ่นที่ยังเกาะอยู่ตามมุม
เป่าเสร็จแล้ว ลองขยับปลั๊กทีละจุดให้แน่นพอดี และเก็บสายให้พ้นใบพัด/ชิ้นส่วนหมุน
ทำความสะอาดรอบกระบอกไฮดรอลิคและข้อต่อ
เป้าหมายคือเอาคราบน้ำมันและผงโลหะออก โดยไม่รบกวนซีลและผิวก้านสูบ
ขั้นตอนแนะนำ:
- เช็ดคราบหนาด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งก่อน เพื่อลดการขูดผิวก้าน
- พ่นดีเกรสเซอร์ชนิดไม่ทำลายซีลยาง (หลีกเลี่ยงเบนซิน/โซลเวนต์แรง) แล้วทิ้งไว้สั้นๆ
- ใช้แปรงไนลอนหรือแปรงสีฟันเก่า ขัดรอบฝาครอบซีล ปากกระบอก และร่องดักสิ่งสกปรก
- เช็ดก้านสูบในแนวออกจากกระบอก (ไม่ดันคราบย้อนเข้าไป) เปลี่ยนผ้าบ่อยๆ
- ทำความสะอาดข้อต่อ ข้อตาไก่ ยูเนียน และหน้าแปลน ใช้ผ้าสะอาดอีกชุดแยกจากก้านสูบ
- เป่าลมหรือเช็ดให้แห้งสนิท แล้วมองหาคราบใหม่ที่เริ่มซึมทันทีหลังเช็ดแห้ง
ข้อควรเลี่ยง:
- ไม่ใช้กระดาษทรายหรือผ้าใยหยาบบนก้านสูบ
- ไม่ฉีดสเปรย์ซิลิโคนลงบนผิวก้าน เพราะดักฝุ่นจนซีลสึกเร็ว
- ไม่ขันข้อต่อเพิ่มถ้าไม่จำเป็น ขันเกินทำให้โอริงบิด
ตรวจรอยรั่วหลังการทำความสะอาด
การเช็คหลังล้างจะช่วยให้เห็นต้นตอที่ชัด เพราะพื้นผิวสะอาดแล้ว
วิธีสังเกตและทดสอบ:
- เดินเครื่องรอบต่ำ ยก–เอียงเสา ช้าๆ 2–3 รอบ โดยไม่บรรทุก
- ใช้กระดาษทิชชู่ซับรอบข้อต่อ ซีลปากกระบอก และใต้แท้งค์ ถ้ามีคราบใหม่จะติดกระดาษทันที
- มองหาคราบเป็นเส้นหรือหยดที่ไหลลงตามแรงโน้มถ่วง (มักเริ่มที่ข้อต่อเหนือศีรษะ)
- ตรวจระดับน้ำมันไฮดรอลิค ปิดฝาให้แน่น และดูสภาพน้ำมัน ถ้าขุ่นเป็นน้ำนมอาจมีความชื้นปน
- ทำเครื่องหมายตำแหน่งที่พบคราบ แล้วกลับมาตรวจซ้ำหลังใช้งาน 24 ชั่วโมง
สัญญาณที่ควรหยุดใช้ทันทีและเรียกช่าง:
- คราบน้ำมันเกิดซ้ำเร็วที่โคนกระบอกหรือระหว่างก้านกับซีล
- ได้ยินเสียงปั๊มหอนผิดปกติร่วมกับการยกกระตุก
- ระดับน้ำมันลดลงต่อเนื่องทั้งที่ไม่มีงานหนัก
การทำความสะอาดระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ถ้าสะอาดอยู่เสมอ รถจะออกตัวลื่น สัญญาณไม่เพี้ยน และแบตอยู่กับเราได้นานขึ้น ฝุ่น คราบกรด และความชื้นนี่แหละตัวดี ทำให้เกิดความร้อน จุดอาร์ค และสนิมตามขั้วกับปลั๊กต่างๆ ได้ง่าย
ก่อนเริ่มทำทุกครั้ง ปิดสวิตช์ ถอดคอนเนคเตอร์แบตเตอรี่ ตั้งเบรกมือ และใส่แว่นตานิรภัยกับถุงมือกันกรด
เช็ดคราบซัลเฟตที่ขั้วแบตเตอรี่ด้วยน้ำยาที่เหมาะสม
คราบสีขาวหรือฟ้าเขียวตรงขั้ว แคลมป์ และสายคือคราบ ซัลเฟต เกิดจากไอกรดเจอความชื้น ถ้าปล่อยไว้มักทำให้แรงดันตกและขั้วร้อนผิดปกติ
ขั้นตอนที่แนะนำ
- ตัดไฟและถอดปลั๊กแบตเตอรี่ วางฝาครอบให้พ้นมือเด็กและน้ำ
- เลือกน้ำยาทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่แบบสเปรย์ หรือผสมน้ำอุ่นกับผงเบกกิ้งโซดา (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 250 มล.) สำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น อย่าให้ไหลลงช่องเซลล์
- ใช้แปรงขนนุ่มหรือแปรงไนลอนปัดคราบที่ขั้ว แคลมป์ และผิวสาย อย่าใช้แปรงโลหะที่อาจขูดผิวขั้วจนเป็นรอย
- เช็ดซ้ำด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด บิดหมาด เพื่อล้างคราบน้ำยาออก
- เป่าลมแรงดันต่ำหรือปล่อยให้แห้งสนิท แล้วประกอบคืนให้แน่นตามสเปก
- ทาเคลือบกันออกซิเดชันบางๆ (สเปรย์ป้องกันขั้วหรือจาระบีเฉพาะ) รอบฐานขั้วและแคลมป์
ข้อควรระวังเพิ่มเติม
- ไม่งัดฝาปิดช่องเติมน้ำกรดโดยไม่จำเป็น และอย่าให้สารละลายใดๆ หยดลงในเซลล์
- ถ้าพบฉนวนสายแตกหรือขั้วร้อนจนเปลี่ยนสี ให้หยุดงานและให้ช่างตรวจ
รักษาความแห้งของกล่องแบตเตอรี่และพัดลมระบายอากาศ
ความชื้นสะสมในถาดแบตหรือช่องระบายอากาศ มักพาเอาคราบกรดและฝุ่นไปเกาะแผงควบคุมจนเป็นคราบเหนียวและก่อให้เกิดไฟรั่วได้
แนวทางทำความสะอาดแบบสั้นๆ
- เปิดฝากล่อง ตรวจหาคราบเปียก ไอน้ำ หรือคราบเหนียวบริเวณมุมถาดและใต้แบตเตอรี่
- ซับความชื้นด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง จากนั้นเป่าลมแรงดันต่ำให้แห้ง โดยรักษาระยะห่าง 20–30 ซม.
- ถอดตะแกรง/ฝาครอบพัดลมระบายอากาศ ทำความสะอาดฝุ่นด้วยแปรงนุ่ม แล้วเป่าออกทางด้านกลับลม ตรวจใบพัดว่ามีรอยบิ่นไหม
- ตรวจรูระบายน้ำในถาดแบตและยางรองว่ามีสิ่งอุดตันหรือฉีกขาด
- หลังล้างรถ ให้เปิดฝากล่องทิ้งไว้สัก 20–30 นาทีเพื่อระบายไอน้ำก่อนชาร์จ
ห้ามใช้น้ำฉีดแรงดันสูงกับชุดไฟฟ้า พัดลม และคอนโทรลเลอร์ เพราะน้ำจะผลักฝุ่นและความชื้นเข้าไปในขั้วและแผงวงจร
จัดเก็บสายชาร์จและฝุ่นในช่องควบคุม
สายชาร์จที่โยงระเกะระกะหรือปลั๊กสกปรก ทำให้เขี้ยวหลวม เกิดอาร์คง่าย ส่วนฝุ่นในตู้คอนโทรลก็พอๆ กัน พอชื้นนิดเดียวไฟอาจลัดวงจรได้
ทำแบบนี้เป็นกิจวัตร
- ม้วนสายชาร์จเป็นวงใหญ่ ไม่หักคม แขวนไว้บนตะขอหรือรอกแขวน ไม่วางกับพื้นหรือพาดบนงา
- เช็ดหัวปลั๊กและคอนเนคเตอร์ด้วยผ้าแห้ง ตรวจรอยไหม้ เขี้ยวเขม่า หรือหมุดหลวม
- ปิดฝาครอบปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน และใช้ฝุ่นครอบกันละอองในพื้นที่ฝุ่นมาก
- เปิดตู้คอนโทรล เป่าฝุ่นด้วยลมแรงดันต่ำเป็นจังหวะสั้นๆ หลีกเลี่ยงการเป่าติดใกล้บอร์ดอิเล็กทรอนิกส์
- ตรวจยางบู๊ต ซีลยาง และท่อร้อยสาย ถ้าขาดให้เปลี่ยนทันที
- วางเส้นทางสายให้พ้นล้อ พ้นรางงา และไม่ถูกงอเมื่อยก-ลดเสา
ตารางย่อความถี่งานทำความสะอาดระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่
ความถี่ | งานที่ควรทำ |
---|---|
รายวัน | เช็ดหัวปลั๊ก ตรวจสายแตก เป่าฝุ่นช่องคอนโทรลแบบเบาๆ ตรวจความชื้นในถาดแบต |
รายสัปดาห์ | ล้างคราบซัลเฟตที่ขั้ว ตรวจแน่นแคลมป์ ทำความสะอาดพัดลม/ตะแกรง |
รายเดือน | ตรวจซีล ยางรอง รูระบายน้ำ เคลือบกันสนิมขั้วและขอบถาดแบต |
ดูแลห้องโดยสารและทัศนวิสัยให้สะอาดพร้อมใช้งาน
ห้องโดยสารที่สะอาดและมองเห็นชัด ช่วยลดอุบัติเหตุและอาการล้าของผู้ขับได้จริง
เริ่มต้นง่ายๆ ก่อนทำความสะอาด ให้จอดรถบนพื้นเรียบ ดึงเบรกมือ ตัดกุญแจ แล้วค่อยลงมือเก็บกวาด ส่วนตัวผมชอบเริ่มจากดูดฝุ่นเร็วๆ รอบพื้นวางเท้า แล้วค่อยไล่รายละเอียด เพราะถ้าฝุ่นยังฟุ้งอยู่ เช็ดกี่ทีๆ ก็ไม่จบสักที
ทำความสะอาดพวงมาลัย แป้นเหยียบ และปุ่มควบคุม
- ปัดฝุ่นหยาบด้วยแปรงขนอ่อนหรือเครื่องดูดฝุ่นหัวแคบ เพื่อเอาผงทรายออกจากรอยต่อปุ่มต่างๆ ก่อน
- เช็ดพวงมาลัยและก้านควบคุมด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ชุบน้ำสบู่อ่อน (สัดส่วนโดยประมาณ น้ำยาทำความสะอาด:น้ำ = 1:50) บิดให้หมาด อย่าให้หยดซึมเข้ารอยต่อไฟฟ้า
- ใช้คอตตอนบัดแตะน้ำยานิดเดียว เช็ดซอกปุ่ม กรอบหน้าปัด สวิตช์ย้อนกลับ และคันโยกไฮดรอลิค
- แป้นเหยียบห้ามมันลื่น: หลีกเลี่ยงสเปรย์ซิลิโคน ใช้น้ำยาขจัดคราบไขมันอ่อนๆ ฉีดลงผ้าแล้วเช็ดตามด้วยผ้าแห้ง
- จุดสัมผัสสูง เช่น พวงมาลัย ปุ่มแตร คันเกียร์ เช็ดซ้ำเพื่อเน้นการ ฆ่าเชื้อ ด้วยแอลกอฮอล์ 70% (แตะผ้าเบาๆ ไม่ฉีดพรม)
- ทดสอบการกดปุ่มและการคืนตัวของแป้นเหยียบหลังเช็ดให้แห้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีน้ำยาค้าง
เช็ดกระจกและไฟส่องสว่างให้ใสชัด
- กระจกหน้า–ข้างและการ์ดใส ใช้น้ำยาเช็ดกระจกชนิดไม่มีแอมโมเนีย กับผ้าไมโครไฟเบอร์ โดยเช็ดเป็นรูปตัว S ลดรอยขีด
- โรงงานห้องเย็นใช้แผ่นกันฝ้า หรือทาน้ำยาเคลือบกันฝ้า (anti-fog) บางๆ ด้านในกระจก ช่วยลดฝ้าขึ้นระหว่างเปลี่ยนอุณหภูมิ
- โคมไฟหน้า ไฟถอย ไฟไซเรน: เช็ดเลนส์ ตรวจรอยร้าว จุดน้ำนิ่ง และขั้วต่อสายไฟ หากขุ่นมากให้พิจารณาขัดฟื้นเลนส์หรือเปลี่ยนเลนส์
- ตรวจแนวส่องไฟหลังเช็ด บางคันโคมคลายตัวจากการสั่น ควรปรับให้ฉายต่ำพอ ไม่แยงตา และเห็นปลายงาชัดเจน
- ปัดฝุ่นตะแกรงกันเศษ (ถ้ามี) เพื่อไม่ให้บังแสงในกะกลางคืน
ซักเบาะและพนักพิงเพื่อสุขอนามัยผู้ขับ
- เบาะผ้า: ดูดฝุ่นลึกด้วยหัวดูดแคบ แล้วสเปรย์น้ำยาซักเบาะแบบโฟม รอให้เปิดคราบ 3–5 นาที ใช้แปรงขนอ่อนถูตามเส้นใย ซับด้วยผ้าแห้ง แล้วเปิดลมให้แห้งสนิทก่อนใช้งาน
- เบาะไวนิล/หนังเทียม: เช็ดด้วยน้ำสบู่อ่อน บิดผ้าให้หมาดมาก ตามด้วยผ้าแห้ง แล้วทาน้ำยาเคลือบป้องกันรอยแตกแบบ non-greasy บางๆ
- ตรวจสภาพเข็มขัดนิรภัย ตัวยึด และรางเลื่อนเบาะ ขันน็อตหลวม และหล่อลื่นรางด้วยสเปรย์แห้ง (dry lube) เพื่อไม่ให้ฝุ่นจับ
- ถ้าเจอเชื้อรา/กลิ่นอับ ให้ตากลมและแดดอ่อน หรือใช้สเปรย์กำจัดเชื้อราเฉพาะจุด แล้วเปลี่ยนไส้กรองอากาศห้องโดยสาร (ถ้ามี)
ตารางความถี่แนะนำ (สั้นๆ ใช้งานจริงปรับได้ตามสภาพหน้างาน)
งาน | ความถี่ | หมายเหตุ |
---|---|---|
เช็ดจุดสัมผัสสูง (พวงมาลัย ปุ่ม แป้นเหยียบ) | ทุกกะ | เน้นช่วงเปลี่ยนกะ |
กระจกและไฟส่องสว่าง | รายสัปดาห์ | หรือเมื่อเริ่มมัว/ฝ้า |
ซักเบาะและดูดฝุ่นพื้น | รายเดือน | ถ้าฝุ่นมากทำถี่ขึ้น |
ถ้าจะให้ลื่นไหลขึ้นอีกนิด เก็บชุดผ้าไมโครไฟเบอร์ 2–3 ผืน น้ำยาเช็ดกระจก และสเปรย์ทำความสะอาดอ่อนๆ ไว้ในกล่องเครื่องมือในรถ พอจบกะก็เช็ดจุดสำคัญ 2–3 นาที จบง่าย และวันรุ่งขึ้นก็นั่งขับสบายตาขึ้นเยอะ
ทำความสะอาดล้อและยางเพื่อยืดอายุการใช้งาน

ล้อและยางคือจุดที่สัมผัสพื้นทุกวินาที ถ้าสะอาดก็ช่วยให้รถนิ่ง เบรกมั่นใจ และห่างไกลปัญหาซ่อมจุกจิก พูดกันตรงๆ งานส่วนนี้มักถูกมองข้าม ทั้งที่ทำไม่กี่ยุคก็เห็นผลทันที
เคล็ดลัด: ล้าง-เช็ด-ตรวจ ให้จบในรอบเดียว ใช้เวลาไม่มาก แต่ลดการสึกและอุบัติเหตุได้เยอะ
ตารางสรุปการดูแลยางแบบกระชับ
ประเภทยาง | วิธีทำความสะอาด | จุดระวัง |
---|---|---|
ยางลม | ฉีดน้ำ+สบู่อ่อน/ดีกรีสแบบน้ำ เช็ดแห้ง ตรวจแรงดัน | หลีกเลี่ยงตัวทำละลายแรง ไม่ฉีดน้ำแรงจ่อวาล์ว |
ยางตัน | ขูดเศษติดดอกยาง เป่าลมไล่ฝุ่น เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำยาอ่อน | อย่าใช้ของมีคมทิ่มดอกยาง ระวังพื้นลื่นจากน้ำยาเงายาง |
ยางที่สะอาดและปราศจากเศษคมช่วยลดการสึกและการรั่วอย่างชัดเจน
กำจัดเศษโลหะและหินค้างดอกยาง
- ตัดแหล่งพลังงาน จอดบนพื้นเรียบ ใส่เบรกมือ ใส่แว่นตาและถุงมือ
- ใช้คีมปลายแหลมหรือไขควงปากแบนงัดเศษหิน ตะปู ลวด ออกจากร่องดอกยางอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการทิ่มลึก
- เป่าลมอัดไล่ฝุ่นและผงโลหะ ให้หัวฉีดห่างผิวยางและเป่าเฉียง ไม่จี้จุดเดียว
- ล้างด้วยน้ำผสมสบู่อ่อนหรือดีกรีสเซอร์ชนิดน้ำ (ปลอดคราบน้ำมันแต่ไม่กัดยาง) แล้วล้างน้ำสะอาด
- เช็ดแห้งทันที เพื่อลดคราบน้ำและกันสนิมที่ดุมล้อ อย่าทาน้ำยาเงายางจนไหลลงพื้นเพราะเสี่ยงลื่น
เคล็ดเพิ่ม: ถ้าพบวัตถุคมที่แทงยางลม อย่าดึงออกในพื้นที่ทำงาน เคลื่อนรถไปจุดซ่อมเพื่อประเมินการปะหรือเปลี่ยนจะปลอดภัยกว่า
เช็ดดุมล้อและตรวจนอตหลังล้าง
- ใช้แปรงขนนุ่มกับดีกรีสแบบน้ำทำความสะอาดดุมและซี่ล้อ ระวังอย่าฉีดน้ำแรงเข้าซีลและตลับลูกปืน
- เช็ดแห้งแล้วส่องหาคราบน้ำมันหรือจาระบีที่รั่วจากซีลเพลา หากมีคราบใหม่ๆ ให้หยุดใช้งานและแจ้งซ่อม
- ตรวจหัวนอตทีละตัว จับโยกด้วยประแจ หากหลวมให้ขันตามแรงขันที่คู่มือกำหนด (จัดลำดับขันเป็นรูปดาว) หลีกเลี่ยงการทาจาระบีบนเกลียวเพราะค่าทอร์กเพี้ยน
- แต้มสีมาร์กบนหัวนอตหลังขัน เพื่อดูการคลายตัวในการตรวจรอบถัดไป
- พ่นสเปรย์กันสนิมบางๆ ที่ดุม (อย่าให้โดนผ้าเบรก)
ตรวจรอยแตกและบวมก่อนนำกลับใช้งาน
- กวาดสายตารอบวง ตรวจหน้ายาง ดอกยาง และแก้มยาง มองหารอยแตกยาว รอยร้าวเป็นใยแมงมุม บวมโป่ง หรือแผ่นยางล่อน
- กดนิ้วเบาๆ ตรวจความแข็งสม่ำเสมอ หากจุดใดนิ่มหรือปูดผิดปกติ ให้หยุดใช้ทันที
- สำหรับยางลม ตรวจวาล์วและฝาปิด รอยรั่วเล็กๆ ใช้น้ำสบู่ทาแล้วสังเกตฟอง ตรวจแรงดันให้ตรงสเป็กผู้ผลิตหลังล้าง
- พิจารณาสลับตำแหน่งยางตามคู่มือเมื่อดอกสึกต่างกันมาก ลดการกินยางไม่เท่ากัน
- ทดลองขับช้าๆ ระยะสั้น ฟังเสียงสั่น สะท้าน หรือการดึงซ้ายขวา ถ้าผิดปกติให้หยุดตรวจซ้ำ
สัญญาณต้องหยุดใช้ทันที
- บวมโป่งที่แก้มยางหรือรอยแตกลึกเห็นชั้นผ้าใบ
- นอตล้อขาดหรือคลายหลายตัวพร้อมกัน
- คราบน้ำมันใหม่ๆ โผล่ที่ดุมหลังล้าง
สรุปสั้นๆ ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยตรวจและขันนอตให้แน่น ตามด้วยเช็คสภาพยางรอบสุดท้าย แค่นี้ก็ลดค่าใช้จ่ายยางและเพิ่มความปลอดภัยในการยกงานได้มากแล้ว
ตารางทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์ตามสภาพแวดล้อมการทำงาน

กำหนดตารางตามสภาพแวดล้อมช่วยลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานได้จริง. จัดเวลาให้ทีมแบบสั้นๆ ท้ายกะ 5–10 นาที แล้วงานดูแลจะไม่ค้างคาอีกต่อไป
ตารางความถี่แนะนำ (สรุปตามสภาพแวดล้อม)
กิจกรรมหลัก | ฝุ่น/ขรุขระ | ห้องเย็น/ชื้น | สารเคมี/อุณหภูมิสูง |
---|---|---|---|
เป่าฝุ่นห้องเครื่อง/หม้อน้ำ | ทุกกะ | รายวัน (หลังออกจากห้องเย็น) | รายวัน |
ล้างใต้ท้องรถ/ซุ้มล้อ | 2–3 วัน/ครั้ง | รายสัปดาห์ | รายสัปดาห์ |
เช็ดทำแห้งส่วนไฟฟ้า/กล่องแบต | รายวัน | ทุกกะ | รายวัน |
ทำความสะอาดเสา/งา/ราง | รายวัน | 2–3 วัน/ครั้ง | ทุกกะ |
ลงแว็กซ์กันสนิม/โค้ทผิว | รายสัปดาห์ | รายสัปดาห์ | รายสัปดาห์ |
ตรวจซีล/รอยรั่วหลังล้าง | รายสัปดาห์ | รายสัปดาห์ | ทุกกะ |
ทำความสะอาดผิวสัมผัสเบรก/แป้นเหยียบ | 2–3 วัน/ครั้ง | ทุกกะ | รายวัน |
พิมพ์ตารางนี้แปะที่จุดจอดรถ และลงชื่อผู้ทำความสะอาดทุกครั้ง จะช่วยให้ควบคุมงานได้จริงและตรวจย้อนหลังได้ง่าย
โรงงานฝุ่นมากและพื้นที่ขรุขระ
- เป่าฝุ่นห้องเครื่อง หม้อน้ำ และชุดกรองอากาศทุกกะ ใช้ลมเป่าห่างๆ ไม่จ่อใกล้ปลั๊กไฟและคอนเนคเตอร์
- ล้างใต้ท้องรถ ซุ้มล้อ และบันไดขึ้นลง 2–3 วัน/ครั้ง เศษทรายและหินทำหน้าที่เหมือนผงขัด กินสีและชิ้นส่วนไวมาก
- เช็ดรางงา ลูกกลิ้ง และโซ่ยกทุกวัน แล้วหล่อลื่นจุดตามคู่มือบางๆ เพื่อไม่ดักฝุ่นเพิ่ม
- ตรวจและเขี่ยเศษที่ค้างดอกยางทุกกะ ถ้าปล่อยไว้ดอกยางสึกเร็วและสั่นจนชิ้นส่วนอื่นเสียหาย
- เก็บฝุ่นบนมอเตอร์พัดลมและตะแกรงระบายอากาศสัปดาห์ละครั้ง ช่วยรักษาอุณหภูมิทำงานให้คงที่
- เคล็ดลับ: จัดโซนล้างแบบเปียกห่างพื้นที่ผลิต ลดฝุ่นฟุ้งกลับเข้ารถ และตั้งเวลาทำช่วงรถหยุดใช้งาน
ห้องเย็นและพื้นที่ชื้นแฉะ
- ปัญหาหลักคือ ความชื้น เกาะและกลั่นตัวเป็นน้ำค้างแข็ง เช็ดทำแห้งกล่องแบต เต้ารับ และฝาปิดฟิวส์ทุกกะก่อนจอด
- หลังออกจากห้องเย็น ให้เช็ดหยดน้ำบนเสา งา และราง แล้วพ่นน้ำยากันสนิมฟิล์มบาง สัปดาห์ละครั้งพอ
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์อุ่นเล็กน้อยเช็ดรอบซีลกระบอก ไม่ใช้ฮีตเตอร์จี้ใกล้ซีลเพราะทำให้แข็งและรั่วเร็ว
- ทำความสะอาดพรมยาง แป้นเหยียบ และพื้นห้องโดยสารทุกกะ คราบน้ำทำให้ลื่นและเบรกรับแรงไม่เสถียร
- ตรวจช่องระบายไอน้ำและพัดลมให้โล่ง เพื่อไม่ให้ความชื้นค้างในกล่องอุปกรณ์
- รวมสายชาร์จให้แห้งสนิทก่อนเก็บ ป้องกันคราบออกไซด์และจุดเชื่อมต่อร้อนผิดปกติ
พื้นที่สารเคมีและอุณหภูมิสูง
- เช็ดล้างคราบสารทันทีหลังจบกะ เลือกน้ำยาที่ pH กลางและไม่กัดซีล สายยาง และโอริง ทดสอบจุดเล็กๆ ก่อนเสมอ
- โซนที่เสี่ยงสาดกระเด็น (งา เสา และแผ่นกันสะเก็ด) เช็ดทุกกะ แล้วลงแว็กซ์หรือโค้ทกันสารสัปดาห์ละครั้ง
- ตรวจปลอกสาย สายไฟ และฉนวนที่โดนความร้อนหรือไอสาร รายวัน ถ้ากรอบหรือเหนียวผิดปกติให้เปลี่ยนทันที
- ล้างตะแกรงระบายความร้อนและพัดลมสัปดาห์ละครั้ง ความร้อนสะสมทำให้คราบแข็งและทำความสะอาดยากขึ้นหลายเท่า
- แยกอุปกรณ์ทำความสะอาดตามชนิดสาร (กรด/ด่าง/ตัวทำละลาย) ป้องกันปฏิกิริยาข้ามกันและยืดอายุอุปกรณ์
- ตรวจรอยรั่วระบบไฮดรอลิกทุกกะ เพราะสารเคมีบางชนิดเร่งการบวมตัวของซีลและท่อยางอย่างมาก
คำแนะนำใช้งานจริง
- กำหนดคนรับผิดชอบต่อกะ พร้อมเช็กลิสต์สั้นๆ 6–8 ช่อง ติ๊กครบก่อนส่งเวร
- จัดชุดผ้าและแปรงตามสีสำหรับแต่ละโซน ลดปนเปื้อนกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัย
- บันทึกเวลาทำความสะอาดและสารเคมีที่ใช้ เผื่อสอบย้อนหากเกิดคราบหรือการกัดกร่อนผิดปกติ
หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าหาจุดซีล ระบบไฟ และตลับลูกปืน เพราะน้ำจะวิ่งเข้าไปค้างด้านในและพาให้เสียเร็ว
สรุป: การดูแลรถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้นาน
การดูแลรักษารถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่ไหมครับ แค่ใส่ใจตรวจเช็คตามจุดต่างๆ ที่เราแนะนำไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำมันต่างๆ ระบบเบรก หรือแม้แต่สภาพยาง การดูแลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้ยาวนานขึ้นเยอะเลยนะ แถมยังช่วยให้การทำงานปลอดภัยมากขึ้นด้วย ถ้ามีอะไรไม่แน่ใจ หรือถึงเวลาที่ต้องซ่อมบำรุงใหญ่ๆ ก็อย่าลืมเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูนะครับ การลงทุนกับการดูแลรักษาที่ดี จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้แน่นอนครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์
ทำไมการทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์จึงสำคัญ?
การทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์เป็นประจำช่วยยืดอายุการใช้งาน ทำให้รถทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานด้วย เพราะช่วยลดโอกาสที่ชิ้นส่วนจะสึกหรอหรือเสียหายจากคราบสกปรกต่างๆ
ต้องทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์บ่อยแค่ไหน?
ความถี่ในการทำความสะอาดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการทำงาน ถ้าทำงานในที่ที่มีฝุ่นเยอะ หรือสกปรกมาก ก็ควรทำความสะอาดบ่อยๆ อาจจะทุกวันหรือทุกสัปดาห์ แต่ถ้าทำงานในที่สะอาด ก็อาจจะทำความสะอาดทุกเดือนหรือตามที่คู่มือกำหนด
ใช้น้ำยาอะไรทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์ได้บ้าง?
ควรเลือกใช้น้ำยาที่อ่อนโยน ไม่กัดกร่อนซีลหรือสายยางต่างๆ น้ำยาทำความสะอาดรถยนต์ทั่วไป หรือน้ำสบู่อ่อนๆ ก็ใช้ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างแรงๆ
ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้างสำหรับการทำความสะอาด?
เตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ถังน้ำ แปรงขนนุ่ม ผ้าไมโครไฟเบอร์ น้ำยาทำความสะอาด และควรมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เช่น ถุงมือ แว่นตา เพื่อความปลอดภัย
การทำความสะอาดรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าแตกต่างจากรถน้ำมันอย่างไร?
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเรื่องระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ห้ามฉีดน้ำเข้าไปในส่วนของแบตเตอรี่หรือแผงควบคุมโดยตรง ควรใช้ผ้าแห้งเช็ด หรือใช้ลมเป่าฝุ่นออกเบาๆ ส่วนรถน้ำมันก็ต้องระวังเรื่องคราบน้ำมันเครื่องและจาระบี
มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการทำความสะอาด?
สิ่งสำคัญคือต้องตัดแหล่งพลังงานก่อนเสมอ เช่น ดับเครื่องยนต์ หรือถอดแบตเตอรี่ (สำหรับรถไฟฟ้า) เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเสมอ